คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่เป็นการหลอกลวงให้ส่งทรัพย์แลทำจำนองหลอกลวงให้เขาจำนองให้แก่ตนโดยเจตนาทุจจริตก็เป็นผิดฐานฉ้อโกง ทำการผิดกฎหมายแล้วจะทำให้การนั้นกลายเป็นชอบกฎหมายขึ้นไม่ได้ วิธีพิจารณาความอาญาฟ้องที่ไม่เป็นเคลือบคลุม พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.9 ฎีกาว่าศาลล่างตัดสินผิดจากพะยานหลักฐาน แต่ไม่จาระนัยว่าผิดตรงไหนอย่างไร ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

ฟ้องโดยย่อมีดังนี้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๔ โจทก์ต้องการซื้อนา จำเลยที่ ๑ มาบอกว่าตำบลลำลูกกามีนา เจ้าของจะขาย โจทก์มอบเงิน ๓๐๐๐ บาทให้จำเลยที่ ๑ ไปจัดซื้อนา ต่อมาเดือนกันยายน – ตุลาคม ศก นั้น จำเลยทั้ง ๒ มาบอกว่าเขาจะขาย ๑๐๐๐๐ บาท ต้องจำนองนาที่จะซื้อต่อ ร.๓๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ จะจัดการ เสร็จแล้วจะโอนภาระจำนองให้โจทก์ ที่ยังขาดอีก ๔๐๐๐ บาท ให้โจทก์จำนองนาของโจทก์ที่ตำบลศาลาธรรมศพให้จำเลย เพื่อเอาเงิน ๑๐๐๐๐ บาท ให้เจ้าของนา โจทก์หลงเชื่อทำตามทุกประการ ต่อมาโจทก์ทราบว่าราคาที่แม้จริงเพียง ๔๘๐๐ บาท เป็นการซึ่งจำเลยทุจจริตคิดหลอกลวงโจทก์ จึงขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๐๔
ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังการพิจารณาว่าโจทก์อยู่จังหวัดธนบุรีอยากซื้อนา จำเลยที่ ๑ ไปหาโจทก์มีที่นาราคา ๑๐๐๐๐ บาท จะขายแล้วพาโจทก์ไปดูที่จังหวัดนครนายก โจทก์ตกลงซื้อ ต่อมาโจทก์มอบเงิน ๓๐๐๐ บาทให้จำเลยมาซื้อ จำเลยซื้อนา ๓ แปลง ๕๐๐๐ บาท แล้วจำเลยหมุนเงินโดยจำนองนานั้นแก่ ร.๓๐๐๐ บาท ค่านาเพียง ๕๐๐๐ บาท จำเลยจึงเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ๑๐๐๐ บาท แล้วจำเลยมาบอกโจทก์ว่าเงินขาดอีก ๔๐๐๐ บาท โจทก์ไม่มีเงินจึงจำนองนาของโจทก์ธนบุรีต่อจำเลยเป็นเงิน ๔๐๐๐ บาท จำเลยจึงโอนนาที่ซื้อ ๓ แปลงกับภาระจำนองให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทราบเรื่องจึงฟ้องคดีนี้ ศาลล่างทั้ง ๒ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา ๓๐๔ จำคุกจำเลยที่ ๑ หนึ่งปี จำเลยที่ ๒ แปดเดือน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม คดีนี้จำเลยเอาความเท็จมากล่าวโดยเจตนาทุจจริตให้โจทก์ส่งทรัพย์ โจทก์ได้หลงส่งเงินแลหลงทำสัญญาจำนองโฉนดให้แก่จำเลย รูปคดีเข้าเกณฑ์ตาม ม.๓๐๔ แล้ว การที่จำเลยส่งนาให้โจทก์เป็นกาลภายหลัง ไม่เป็นเหตุให้การผิดกฎหมายเป็นการชอบกฎหมายขึ้น ส่วนข้อฎีกาที่ว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงผิดจากพะยานหลักฐาน แต่ผิดตรงไหนมิได้ จาระนัยมาได้ชื่อว่าไม่ปฏิบัติตามลักษณฎีกาอุทธรณ์ ม.๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share