คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ. มิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของ น.ได้เป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277แม้ตามคำฟ้องจะระบุว่า น.ผู้เยาว์โดย พ.บิดาผู้ปกครองผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นโจทก์ แต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องปรากฏข้อเท็จจริงว่า น.เป็นบุตรของโจทก์อันเกิดกับ ร.ภรรยาของโจทก์ ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย และ ร.หนีออกจากบ้านตั้งแต่ น.ยังเล็กอยู่ พ.เป็นผู้ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษา และให้ น.ใช้นามสกุลกรณีเป็นเรื่องมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ น.ผู้เยาว์ไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่ได้ ดังนั้น ญาติของ น.ผู้เยาว์หรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องจึงอาจร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้ตั้งเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ถือได้โดยปริยายว่า ศาลชั้นต้นตั้งให้ พ.เป็นผู้แทนเฉพาะคดีตามกฎหมายอีกทั้งยังปรากฏว่าก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาศาลชั้นต้นยังมีคำสั่งตั้ง พ.เป็นผู้แทนเฉพาะคดีอีกด้วยเช่นนี้พ.จึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยแทน น. ผู้เยาว์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก จำคุก 5 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าเด็กหญิงนิภาพร ธงชาย เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2522เป็นบุตรของนายพร ธงชาย กับนางเรวดีซึ่งอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส นางเรวดีหนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็กหญิงนิภาพรยังเล็กอยู่ และนายพรเป็นผู้ให้ความอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษา และให้ใช้นามสกุล คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นประการแรกว่า นายพรมิใช่ผู้เสียหายหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนเด็กหญิงนิภาพรผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า แม้ตามคำฟ้องจะระบุว่าเด็กหญิงนิภาพร ธงชาย ผู้เยาว์ โดยนายพร ธงชาย บิดาผู้ปกครองผู้แทนโดยชอบธรรมโจทก์ก็ดีแต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องปรากฏข้อเท็จจริงว่า เด็กหญิงนิภาพรเป็นบุตรของโจทก์อันเกิดกับนางเรวดีภรรยาของโจทก์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายและนางเรวดีหนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็กหญิงนิภาพรยังเล็กอยู่ซึ่งนายพรเป็นผู้ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษา และให้ใช้นามสกุล ภายหลังไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ดังนี้กรณีเป็นเรื่องเด็กหญิงนิภาพรผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์ซึ่งมารดาผู้เสียหายโดยชอบธรรมไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่ได้ ญาติของผู้นั้นหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้ตั้งเป็นผู้เฉพาะคดีได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อข้อเท็จจริงเรื่องนี้ปรากฏต่อศาลชั้นต้นในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงถือได้โดยปริยายว่า ศาลชั้นต้นตั้งให้นายพรเป็นผู้แทนเฉพาะคดีตามกฎหมายแล้ว อีกทั้งยังปรากฏว่าก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีศาลชั้นต้นยังมีคำสั่งตั้งนายพรเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้ด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share