คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่รับการยกให้จากโจทก์ซึ่งเคยปรนนิบัติโจทก์ ไม่ปรนนิบัติโจทก์ซึ่งยังมีฐานะดีอีกต่อไปทั้งบอกขายทรัพย์สินที่รับยกให้ ไม่เป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) โจทก์ถอนคืนการให้ที่ดินและบ้านพิพาทไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 13749พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ต่อมาโจทก์ได้ยกที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โดยไม่ยอมดูแลเลี้ยงดูโจทก์ ซึ่งมีอายุถึง 92 ปี ไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพใด ๆ เพื่อหาเลี้ยงตนเองได้ จำเลยทราบดีแต่กลับบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพแก่โจทก์ปล่อยให้โจทก์ต้องหาเลี้ยงดูตนเองเรื่อยมา และยังได้ขับไล่โจทก์ให้ออกจากบ้านและที่ดินไปหาที่อยู่แห่งอื่น โจทก์จึงประสงค์ที่จะถอนคืนการให้จากจำเลย ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 13749 พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี หากขัดข้องขอถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยในการโอนที่ดินคืน
จำเลยให้การว่า ตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยได้ประพฤติเนรคุณโจทก์ ไม่ยอมดูแลเลี้ยงดูโจทก์ บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพแก่โจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์ไม่ใช่ผู้ยากไร้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าขณะฟ้องโจทก์เป็นข้าราชการบำนาญ รับบำนาญเดือนละ 1,500 บาทมีอายุ 93 ปี โจทก์เคยจ้างจำเลยให้ทำงานในบ้านเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว ต่อมาได้อยู่กินกับจำเลยฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส โจทก์มีที่ดินและตึกแถวที่ตลาดหนองมน ริมถนนสุขุมวิทและที่ดินที่เขาเขียว จังหวัดชลบุรี อีกประมาณ 75 ไร่ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2522 โจทก์ยกที่ดินพิพาทตามโฉนดเลขที่ 13749พร้อมบ้านเลขที่ 17/3 ก. ซอยนพรัตน์ ตำบลบางปลาสร้อย (ท้ายบ้าน)อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้จำเลยตามหนังสือสัญญาให้ที่ดินเอกสารหมาย จ.1 ประมาณเดือนกันยายน 2529 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2530 จำเลยติดต่อจะขายที่ดินและบ้านพิพาทให้บุคคลอื่นแล้วขนย้ายสิ่งของออกจากบ้านพร้อมด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของโจทก์ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.3คดีมีปัญหาว่า จำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์หรือไม่ ได้ความจากโจทก์เพียงว่าเดิมจำเลยบอกว่าจะเลี้ยงดูโจทก์ตลอดชีวิตแต่ภายหลังจำเลยไม่ปรนนิบัติรับใช้โจทก์อีก โจทก์ได้ยกที่ดินให้บุตรหลานไปหมดแล้วจึงไม่มีที่อยู่อาศัยและคนปรนนิบัติรับใช้อีกบุตรของโจทก์มีฐานะยากจน โจทก์มีนางอรุณวดี กลุ่มศิริ ซึ่งเป็นบุตรสาวเบิกความสนับสนุนว่า บุตรโจทก์ซึ่งยังมีชีวิตอยู่คือนางเรณู สุกใส นางสุดใจ ค้าสุวรรณ และพยาน ต้องอาศัยเงินบำนาญสามีและอาศัยอยู่กับบุตร แต่นางอรุณวดีเบิกความรับว่าปกติพยานอาศัยอยู่กับบุตร เพิ่งกลับมาอยู่บ้านพิพาทเมื่อต้นพ.ศ. 2529 และมีเหตุทะเลาะกับจำเลย เห็นได้ว่า ตั้งแต่โจทก์อยู่กินกับจำเลยตลอดมา พยานปากนี้ไม่รู้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลย เพิ่งรู้เห็น เมื่อ พ.ศ. 2529 และอ้างลอย ๆ ว่าบุตรโจทก์ทุกคนมีฐานะยากจนซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านรับว่า โจทก์ได้ยกที่ดินและตึกแถวที่ตลาดหนองมนกับที่ดินที่เขาเขียวจำนวน 75 ไร่ ให้บุตรไปแล้ว เมื่อประกอบกับจำเลยนำสืบยืนยันว่า โจทก์ยังมีรายได้จากค่าเช่าที่ดินที่ตำบลบางพระและบำนาญ ตลอดจนโจทก์ยังมีบุตรสาวคอยดูแลรักษาอยู่ พยานหลักฐานโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยมีพฤติการณ์เนรคุณโจทก์ โดยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพแก่โจทก์ผู้ให้ทรัพย์สินในเวลาที่โจทก์ยากไร้และจำเลยยังสามารถจะให้ได้นั้นจึงฟังไม่ได้ การที่จำเลยเจ้าของทรัพย์สินที่รับยกให้จากโจทก์ซึ่งเคยปรนนิบัติโจทก์ ไม่ปรนนิบัติโจทก์ซึ่งยังมีฐานะดีอีกต่อไป ทั้งบอกขายทรัพย์สินที่รับยกให้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่เป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) โจทก์ถอนคืนการให้ทรัพย์สินคือที่ดินและบ้านพิพาทไม่ได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share