แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลยว่า คำขอฟ้องแย้งไม่สามารถที่จะบังคับได้โดยไม่ได้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมหรือไม่ก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์การพิจารณาปัญหาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกบทกฎหมายดังกล่าวขึ้นปรับแก่คดีได้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย การที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ศาลอุทธรณ์ชอบที่ยกขึ้นวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่โจทก์ถูกแย่งการครอบครอง และจำเลยมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครอง หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้ว ส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งของจำเลยได้หรือไม่ย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปในชั้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้เช่นนี้ ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา