คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2956/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่า ผู้กระทำผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น บุคคลอื่นก็อาจร่วมกระทำเป็นตัวการด้วยก็ได้จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ย่อมต้องทราบฐานะการเงินของบริษัท แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ลงชื่อสั่งจ่ายเช็ค แต่จำเลยที่ 4 ก็เป็นผู้ประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 1 ในเช็คและเป็นผู้ส่งมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ส่วนจำเลยที่ ๔ ไม่มีมูล ให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ยกฟ้อง จำเลยที่ ๔
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า เช็คพิพาทเป็นของบริษัทจำเลยที่ ๑ มีจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ลงชื่อสั่งจ่ายไว้ล่วงหน้าแล้ว จำเลยที่ ๔ เอาตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ ๑ประทับลงในเช็คและส่งมอบเช็คให้นายประเสริฐ ขวัญทะเล ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ จำเลยที่ ๔ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทจำเลยที่ ๑ เมื่อเช็คถึงกำหนดเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ แล้ววินิจฉัยว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่า ผู้กระทำความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้นบุคคลอื่นก็อาจร่วมกระทำเป็นตัวการด้วยก็ได้ จำเลยที่ ๔ เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ ๑ ย่อมต้องทราบฐานะการเงินของบริษัทว่า มีเงินพอที่จะจ่ายตามเช็คได้หรือไม่ เมื่อจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ ๑ ในเช็คและยังส่งมอบเช็คพิพาทให้นายประเสริฐผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยที่ ๔ จึงมีมูลความผิดตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ ๔ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share