แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับผู้ตายเป็นเพื่อนกันทะเลาะวิวาทกันขณะเมาสุรา จำเลยใช้ขวดสุราตีผู้ตายเพียง 1 ที โดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายผู้ตายเป็นขวดสุราที่จำเลยถือติดมือไปด้วยมิใช่เป็นการตระเตรียมมาเพื่อทำร้าย แม้บาดแผลจะมีหลายแห่งแต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกันและไม่ปรากฏความลึกและความกว้าง ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดียังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290 จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับในชั้นสอบสวนว่าทำร้ายผู้ตายจริงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 4 ปี ยกฟ้องข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุก 18 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 12 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘น่าเชื่อว่าขณะเกิดเหตุจำเลยเมาสุราและเหตุคดีนี้เกิดขึ้นโดยจำเลยกับผู้ตายทะเลาะวิวาททำร้ายกันแล้วจำเลยใช้ขวดสุราทำร้ายผู้ตายในปัญหาว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่นั้น แม้บาดแผลของผู้ตายตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องจะมีหลายแห่งแต่ก็อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน นายหนูสินประจักษ์พยานโจทก์เองก็เบิกความว่าจำเลยใช้ขวดตีทำร้ายผู้ตายเพียงครั้งเดียวแล้ววิ่งหลบหนีไป นอกจากนี้บาดแผลที่ได้รับก็ไม่ปรากฏว่ามีความลึกและความกว้างเพียงใด คงมีแต่ความยาวของบาดแผลเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงเป็นไปได้ว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากการถูกทำร้ายเพียงครั้งเดียว เมื่อเหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะจำเลยกับผู้ตายทะเลาะวิวาทกันขณะเมาสุรา จำเลยกับผู้ตายก็เป็นเพื่อนกันไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายผู้ตายเป็นขวดสุราที่จำเลยถือติดมือไปด้วยมิใช่เป็นการตระเตรียมมาเพื่อทำร้าย ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ยังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.