คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาให้ตามมาตรา 521 นั้น เป็นสัญญาที่ไม่มีสิ่งตอบแทน
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่าจะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรสแต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทนจึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม มาตรา 521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรสคู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้นศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้

ย่อยาว

ในการทำพิธีสมรสระหว่างนายฉลวยและนางสาวทวาย โจทก์นั้นนายมูลซึ่งเป็นประธานฝ่ายชาย กับนายแกระจำเลยซึ่งเป็นประธานฝ่ายหญิง ได้ทำสัญญากันไว้ว่า ฝ่ายชายได้นำเงินมาเป็นเงิน 700 บาท และเงินทุน 107 บาท 77 สตางค์ ฝ่ายหญิงนายแกระจะแบ่งโอนที่นาโฉนดที่ 2742 ให้คู่สมรส 20 ไร่ ภายใน 5 ปีนับแต่วันสมรสแต่ถ้าฝ่ายคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะ นายแกระ นางสนิท (ภรรยานายแกระ) นายแกระ นางสนิท จะยังไม่โอนนา 20 ไร่ให้ บัดนี้นายฉลวย นางทวาย ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายแกระจำเลยอ้างว่าจำเลยขายที่ดินแปลงนี้เสียแล้ว โจทก์จึงขอส่วน 20 ไร่เป็นเงิน 4,720 บาท

ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาให้รายนี้ไม่ได้จดทะเบียนตามมาตรา 525 จึงไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาให้ตามมาตรา 521 นั้น ไม่มีสิ่งตอบแทนแต่สัญญานี้เป็นสัญญาที่มีการตอบแทนกัน จึงไม่เป็นสัญญาจะให้แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่ากองทุนในการสมรส กรณีจึงไม่เข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 หรือ 526 จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วชี้ขาดใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลในชั้นนี้ให้ศาลรวมสั่งให้คำพิพากษาตอนใหม่

Share