แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ข. ขับรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย เจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรับ ข. และทำบันทึกตกลงทางแพ่งไว้ว่า จำเลยขอรับชดใช้ในมูลละเมิดทั้งหมดและรับชดใช้ซ่อมรถยนต์โจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม ถือว่าในขณะทำบันทึก ข. มีหนี้ต้องชำระแก่โจทก์การที่จำเลยยอมทำบันทึกดังกล่าว เป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกขอเข้ามาชำระหนี้แทน ข. ลูกหนี้ แม้บันทึกดังกล่าวจะไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ แต่เป็นสัญญาประเภทหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการขืนใจลูกหนี้และไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ และมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2531นางสาวขันทอง มณีชม ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย วันที่ 10 กรกฎาคม 2531 จำเลยตกลงยอมรับผิดชดใช้มูลหนี้ละเมิดที่นางสาวขันทองก่อขึ้น ดังกล่าว โดยจะซ่อมรถยนต์ของโจทก์ที่เสียหายให้กลับอยู่ในสภาพเดิม ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 แต่แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญา โจทก์จึงนำรถยนต์ดังกล่าวไปซ่อมเอง เสียค่าแรง ค่าเคาะค่าพ่นสี ค่าอะไหล่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,000 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 16,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เหตุที่รถทั้งสองคันชนกันนางสาวขันทองมิได้กระทำโดยประมาท หากแต่เพราะโจทก์ขับรถด้วยความเร็วสูงโจทก์จึงมีส่วนประมาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 (ที่ถูกหมายเลข 4)เจ้าพนักงานตำรวจทำขึ้นโดยจำเลยมิได้ยินยอม จำเลยลงชื่อในฐานะพยานเท่านั้นจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงิน 16,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า ข้อความที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.3 มีผลตามกฎหมายที่จะผูกพันจำเลยหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา ซึ่งศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังและรับกันว่านางสาวขันทอง มณีชมขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5ค-4558 กรุงเทพมหานคร โดยประมาทชนกับรถของโจทก์หมายเลขทะเบียน 7จ-2503 กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรับนางสาวขันทอง มณีชม และทำบันทึกตกลงทางแพ่งไว้ตามเอกสารหมาย จ.3 ว่า นายวิศาล แก้วประจุ จำเลยขอรับชดใช้ในมูลละเมิดทั้งหมด รับชดใช้ซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน 7จ-2503กรุงเทพมหานคร และรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5ค-4558 กรุงเทพมหานครให้อยู่ในสภาพเดิมทุกประการ ศาลฎีกาเห็นว่า นางสาวขันทองมณีชม มีหนี้ที่ต้องชำระต่อโจทก์ และจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกขอเข้ามาชำระหนี้แทนนางสาวขันทอง มณีชม ลูกหนี้ และโจทก์ก็ตกลงด้วยตามเอกสารหมาย จ.3 แม้เอกสารดังกล่าวจะไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้แต่เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งคู่ความกระทำด้วยความสมัครใจ เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการขืนใจลูกหนี้และไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ เอกสารหมาย จ.3 จึงมีผลตามกฎหมายผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน.