คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2778/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่และกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและกระสุนปืนไปในทางสาธารณะเข้าหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้อื่นจำเลยให้การปฏิเสธเมื่อจับจำเลยได้ก็ไม่ได้อาวุธปืนและกระสุนปืนเป็นของกลางดังนี้ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบว่าอาวุธปืนที่จำเลยถือมาในที่เกิดเหตุนั้นเป็นปืนไม่มีทะเบียนและจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้น เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวจึงลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ (อ้างฎีกาที่795/2504)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนปืนติดตัวไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ในข้อหานี้ข้อหาดังกล่าวจึงถึงที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑ กระบอกและกระสุนปืนลูกซอง ๑ นัด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยได้พาอาวุธปืนกับกระสุนปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ (ที่แก้ไขแล้ว) และริบหมอนกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและฐานมีอาวุธปืนกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ลงโทษจำคุก ริบของกลาง ส่วนข้อหาพาอาวุธปืนและกระสุนปืนติดตัวไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านนั้น โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหานี้ จึงให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้พาอาวุธปืนเข้าไปในที่เกิดเหตุโดยเปิดเผยเท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนและกระสุนปืนไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านโดยไม่รับอนุญาตลงโทษจำคุก ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่นั้นเห็นว่าคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา และทางพิจารณาก็ได้ความว่าจับจำเลยได้แต่ไม่ได้อาวุธปืนและกระสุนปืนเป็นของกลาง จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบว่าอาวุธปืนที่จำเลยถือมาแล้วเกิดเหตุขึ้น เป็นปืนไม่มีทะเบียนและจำเลยไม่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้น เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าว จึงลงโทษจำเลย ฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๙๕/๒๕๐๔
ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในข้อหาพาอาวุธปืนและกระสุนปืนติดตัวไปในทางสาธารณะและในหมู่บ้านนั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้โจทก์มิได้อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อหาดังกล่าวจึงเป็นที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องแย่งปืนกันและปืนลั่นขึ้นโดยจำเลยไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหาและไม่ริบของกลาง

Share