แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินของจำเลย โดยจำเลยจะให้ค่านายหน้าร้อยละ 5 ของราคาที่ขายได้ จำเลยได้มอบนามบัตรของจำเลยมีที่อยู่และเลขหมายโทรศัพท์ที่บ้านจำเลยกับได้มอบแผนที่หลังโฉนดให้โจทก์ไว้ด้วย ต่อมามี ต. และ บ. มาถามซื้อที่ดินบริเวณนั้น โจทก์จึงพาคนทั้งสองไปดูที่ดินของจำเลย ต่อมา คนทั้งสองดังกล่าวได้พา พ. และ ย. มาดูที่ดินจำเลย พ. กับพวกตกลงจะซื้อ ต. และ บ. จึงขอนามบัตรของจำเลยและแผนที่หลังโฉนดจากโจทก์มอบให้ พ. กับพวกไปติดต่อกับจำเลยเอง ในที่สุด พ. ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินดังกล่าวกับจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่า การซื้อขายที่ดินรายนี้เป็นผลสำเร็จได้ก็เนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์ซึ่งเป็นนายหน้าได้ชี้ช่องนั่นเองโจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินของจำเลยโดยตกลงจะจ่ายบำเหน็จแก่โจทก์ โจทก์ได้ชี้ช่องให้ผู้ซื้อได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับจำเลยสำเร็จ แต่จำเลยไม่ชำระเงินค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ตามข้อตกลง ขอให้บังคับจำเลยชำระแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินตามฟ้องการซื้อขายที่ดินดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นเพราะการชี้ช่องของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่านายหน้าแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้แจ้งให้นายตั้นกับนายบุญเลี้ยงทราบว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและต้องการขาย นายตั้นกับนายบุญเลี้ยงจึงไปติดต่อกับนายพิศิษฐ์นายพิศิษฐ์กับพวกมาดูที่ดินและประสงค์จะซื้อแล้ว นายตั้นกับนายบุญเลี้ยงจึงไปขอนามบัตรจำเลยและแผนที่หลังโฉนดจากโจทก์มอบให้นายพิศิษฐ์ไปติดต่อกับจำเลยเอง เห็นว่าการซื้อขายที่ดินรายนี้เป็นผลสำเร็จได้ก็เนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์ซึ่งเป็นนายหน้าได้ชี้ช่องนั่นเอง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จจากจำเลย
พิพากษายืน