คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 2 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ร้องรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1 นั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างนั้น

ย่อยาว

คดีนี้ สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งห้าชำระหนี้ไถ่จำนองระหว่างการพิจารณาจำเลยที่ ๒ ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ เมื่อพิจารณาคดีแล้วศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ ร่วมรับผิดด้วยตามส่วน ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรวม ๓ แปลงและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแปลงหนึ่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินแปลงหนึ่งและสิ่งปลูกสร้างโดยเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ ๒ และรับจำนองสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินคืออาคารโรงงานและอาคารสำนักงานจากจำเลยที่ ๑ ที่ดินแปลงดังกล่าวของจำเลยที่ ๒ ติดกับที่ดินของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ โจทก์ได้นำชี้แนวเขตที่ดินให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำนองผู้ร้องไว้ กับให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารโรงงานและอาคารสำนักงานของจำเลยที่ ๑ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่ยึดล้ำเข้าไปและติดจำนองผู้ร้องไว้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส.๓ ทั้งสองแปลงก่อนขายทอดตลาดกับให้การยึดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีผลบังคับเหนือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินส่วนของจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง ถึงวันนัดได้สั่งงดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องผู้ร้องกล่าวอ้างว่าที่ดิน น.ส.๓ ของจำเลยที่ ๑ และที่ดิน น.ส.๓ ของจำเลยที่ ๒ มีอาณาเขตติดต่อกัน ที่ดินของจำเลยที่ ๑ อยู่ทางทิศตะวันตก ที่ดินของจำเลยที่ ๒ อยู่ทางด้านทิศตะวันออกจำเลยที่ ๑ ก่อสร้างอาคารโรงงานและอาคารสำนักงานบนที่ดินของจำเลยที่ ๒ ด้านที่อยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยที่ ๑ ด้านทิศเหนือจากแนวเขตติดต่อไปทางทิศตะวันออกยาว ๒๘ วา และด้านทิศใต้จากแนวเขตติดต่อไปทางทิศตะวันออกยาว ๔๐ วา จำเลยที่ ๒ จำนองที่ดินแปลงดังกล่าวไว้แก่ผู้ร้อง และจำเลยที่ ๑ จำนองอาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัทซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ ๒ ไว้แก่ผู้ร้องด้วย ส่วนข้อเท็จจริงตามฟ้องของโจทก์ปรากฏว่า จำเลยที่ ๑จำนองที่ดินแปลงที่อยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างไว้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ ๑ พร้อมด้วยอาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัท ซึ่งรวมทั้งที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัทด้วย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า สำหรับที่ดินหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องของผู้ร้องว่า สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ ๑ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้คือ อาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัทปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ ๒ การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ ๒ ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ ๒ ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งอ้างว่ามิใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ ๑ ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ ชอบที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในส่วนนี้เสียก่อน สำหรับอาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัทของจำเลยที่ ๑ แม้จะปลูกสร้างบนที่ดินของจำเลยที่ ๒ และผู้ร้องรับจำนองสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไว้จากจำเลยที่ ๑ สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ ๑ ก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งแต่อย่างใด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลยที่ ๑
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีและพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ เฉพาะที่ดินส่วนที่เป็นที่ตั้งของอาคารโรงงานและอาคารที่ทำการบริษัทของจำเลยที่ ๑

Share