คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ว่าจ้างจำเลยซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ ซึ่งจะต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นจำเลยจะต้องถูกปรับเป็นรายวันจนกว่าจะซ่อมเสร็จแต่เมื่อโจทก์ยอมรับมอบรถยนต์ที่จำเลยซ่อมเสร็จเรียบร้อยหลังจากที่พ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว อันเป็นการยอมรับชำระหนี้ โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยตาม มาตรา 181 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ๔๕ วัน หากซ่อมไม่เสร็จจำเลยยอมให้ปรับวันละ ๕๐๐ บาท จำเลยซ่อมไม่เสร็จภายในกำหนดตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับ
จำเลยให้การว่า ในวันรับมอบรถยนต์โจทก์รับมอบในสภาพที่เรียบร้อย มิได้อิดเอื้อน หรือโต้แย้งหรือสงวนสิทธิการเรียกร้องเอาค่าปรับ จึงเสียค่าปรับไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าปรับแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันที่โจทก์รับมอบรถยนต์พิพาทไปจากจำเลยโจทก์มิได้พูดจาโต้แย้งคัดค้าน หรือพูดถึงค่าเสียหายกับฝ่ายจำเลยแต่อย่างใด และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๑ วรรคสามบัญญัติว่า “ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้นในเวลารับชำระหนี้” ดังนี้ ถือว่าโจทก์ยอมรับมอบรถยนต์พิพาทที่จำเลยซ่อมเสร็จเรียบร้อยอันเป็นการยอมรับชำระหนี้ โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยตามมาตรา ๓๘๑ วรรคสามดังกล่าว
พิพากษายืน

Share