คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5919/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทนแม้สัญญาตัวแทนจะระงับไปเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม ทนายโจทก์ก็ยังมีอำนาจหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักกรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ต่อไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของโจทก์จะเข้ามาปกปักรักษาผลประโยชน์ของโจทก์โดยการเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ
โจทก์ถึงแก่กรรมขณะที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์แต่ไม่มีการร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่กรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 จนกระทั่งได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ฟัง ถือได้ว่าเป็นการล่วงพ้นสระยะเวลาที่ตัวแทนหรือทนายโจทก์จะจัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 824 แล้ว และไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ต่อไป ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่ทนายโจทก์หมดอำนาจแล้ว ฏีกาโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๐๗ ตำบลธาตุเชิงชุมอำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า การขายฝากสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิเพิกถอน จำเลยที่ ๒ เป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต โดยมีค่าตอบแทนและได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า โจทก์ถึงแก่กรรมแล้วก่อนที่โจทก์จะยื่นหฎีกาคดีนี้ ทนายโจทก์จึงไม่มีอำนาจยื่นฎีกา ขอให้จำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นนัดโจทก์และจำเลยมาสอบถาม และได้รับรายงานผลการส่งหมายว่า ส่งหมายให้โจทก์ไม่ได้เพราะโจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว และทนายโจทก์แถลงรัยในวันนนัดว่า โจทก์หถึงแกกรรมจริงในขณะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่คู่ความแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๐ นั้น เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ ๖๐ นั้น เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ ๑๕ ว่าด้วยตัวแทน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๒ กรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๘ ดังนั้นแม้สัญญาตัวแทนจะเระงับไปเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม ทนายโจทก์ก็ยังมีอำนาจและหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ต่อไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของโจทก์จะอาจเข้ามาปกปักรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ โดยการเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะตามที่บัญญัติไว้ใประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๒ ข้อเท็จจริงฟังได้จากคำแถลงของทนายโจทกว่า โจทก์ถึงแก่กรรมตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๒ ขณะคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ทายาทหรือผู้จตัดการมรดกหรือผู้ปกครองทรัพย์มรดกของโจทก์ผ้มรณะจึงอาจร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์เพื่อปกปักรักษารประโยชน์ในการดำเนินคดีของโจทก์ได้ภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์ถึงแก่กรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๒ แต่ก็ไม่มีการร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว โดยไม่ปรากฏเหตุผลว่าเป็นเเพราะเหตุใด จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ได้ทำคำพิพากษาและศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ทนายหโจทก์หฟังในวันที่ ๑พฤษภาคมใ ๒๕๓๓ จึวงถือได้ว่าเป็นการีล่วงพ้นระยะเวลาที่ตัวสแทนหรือทนายโจทก์จะจัดการดำเนินคดีเพทื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๘ แล้ว ทน

Share