คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กล่าวว่า “ผัวมึงซี่กูแล้ว” จึงไม่ยอมใช้หนี้ แสดงว่าโจทก์เคยได้เสียกับจำเลยมาก่อน แต่ไม่ยกย่องเป็นภริยาน้อย ไม่อ้างว่าโจทก์เสียชื่อเสียงเพราะจำเลยเป็นหญิงมีสามีอยู่แล้ว เป็นชู้กับโจทก์ ไม่เป็นหมิ่นประมาท

ย่อยาว

ตามฟ้องจำเลยกล่าวว่า “กูไม่ให้มึงดอก ผัวมึงซี่กูแล้ว เงินส่วนนี้กูไปเสียให้อัยการดีกว่า” ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่เป็นหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์ฎีกาเป็นใจความว่า การที่จำเลยกล่าวต่อบุคคลที่สามว่าโจทก์เป็นชู้กับจำเลยซึ่งเป็นภริยาของผู้อื่นนั้นเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ให้โจทก์อับอายขายหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั่วไปดูหมิ่นและเกลียดชัง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของโจทก์เองแต่เพียงว่าโจทก์เคยได้เสียร่วมประเวณีกับจำเลยมาก่อน แต่ไม่ได้ยกย่องจำเลยเป็นภริยาน้อยเท่านั้น อีกทั้งตามคำบรรยายฟ้องก็ดี คำพยานโจทก์ก็ดี ไม่ปรากฏเลยว่าโจทก์กล่าวอ้างว่า การที่จำเลยพูดว่าโจทก์ร่วมประเวณีกับจำเลยนั้นทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเหตุที่จำเลยเป็นหญิงมีสามีอยู่แล้ว เพราะเท่ากับหาว่าโจทก์เป็นชู้กับภริยาของผู้อื่น ความที่ว่าจำเลยมีสามีอยู่แล้วจึงเป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกสำนวน เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ก็ย่อมไม่มีปัญหาข้อกฎหมายดังที่โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยให้”

พิพากษายกฎีกา

Share