คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ขอเลื่อนคดี แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้จนกว่าคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งจะถึงที่สุดและให้จำหน่ายคดีชั่วคราว คำสั่งให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 และคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้สั่งไว้ด้วยว่า เมื่อคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้นถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงเพื่อจะได้พิจารณาคดีนี้ต่อไปไม่ใช่คำสั่งจำหน่ายคดีโดยเด็ดขาด เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไปโจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งตามมาตรา 196 เช่นกัน(อ้างนัยฎีกาที่ 157/2506 และ 1621/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องคดีอาญาสินไหม ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้โจทก์เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗, ๑๕๗, ๑๖๒ และ ๘๓ กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ครั้นถึงวันนัดไต่สวนซึ่งโจทก์ขอเลื่อนมาเป็นครั้งที่ ๔ โจทก์ขอเลื่อนการไต่สวนอีก ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทำให้คดีล่าช้าและเสร็จไม่ทันคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๒๕/๒๕๑๕ ที่พนักงานอัยการฟ้องโจทก์กับพวกเกี่ยวกับมูลคดีเดียวกันนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวศาลได้พิจารณาไปเกือบหมดพยานโจทก์แล้ว จึงให้รอการไต่สวนไว้จนกว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๒๕/๒๕๑๕ จะถึงที่สุด และเนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญา จึงให้จำหน่ายคดีชั่วคราว เมื่อคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๒๕/๒๕๑๕ ถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงเพื่อพิจารณาคดีนี้ต่อไปภายใน ๑ เดือน นับแต่คดีนั้นถึงที่สุด
โจทก์ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว และขอให้ดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๖ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๖ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รอการไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนจนกว่าจะทราบผลที่สุดของคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๒๕/๒๕๑๕ ของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๖ และตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๗/๒๕๐๖ ระหว่างนายทรัพย์ โภชน์พันธุ์ กับพวก โจทก์นายทองคำ โพธิ์มา จำเลย และคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีนั้น ศาลชั้นต้นก็ได้สั่งไว้ด้วยว่า เมื่อคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๐๒๕/๒๕๑๕ ถึงที่สุดแล้ว ให้โจทก์แถลงเพื่อจะได้พิจารณาคดีนี้ต่อไป จึงไม่ใช่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีโดยเด็ดขาดแต่เป็นคำสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว อันเป็นคำสั่งที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไปแต่อย่างใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๖ และตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๒๑/๒๕๐๖ ระหว่างนายสุนทร มณีนิล กับพวก โจทก์นายสาย คันศร จำเลยที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share