คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรค 2 นั้นผู้ครอบครองจะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองโดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองจะทราบว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ และไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองได้โต้แย้งผู้แย่งการครอบครองหรือได้ร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่
โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 จำเลยจะต้องครอบครอง 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ แต่โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 หรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2496 โจทก์ได้ซื้อที่ดินไร่สวน 1 แปลงแล้วโจทก์เข้าครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา และได้แจ้งการครอบครองไว้ เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2512 โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์จำเลยคัดค้านอ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลยซึ่งครอบครองมา 30 ปีแล้วโจทก์ร้องต่อทางอำเภอให้เรียกจำเลยมาเปรียบเทียบแล้ว แต่ไม่ตกลงกันจำเลยกับพวกได้ทำลายต้นผลไม้ที่โจทก์ปลูกไว้ประมาณ 120 ต้นเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินไร่สวนตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 1,200 บาท

จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินตามฟ้องโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเกิน 10 ปีแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท เพราะโจทก์มิได้ทอดทิ้งที่พิพาทเกินกว่า 1 ปี และโจทก์ฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันถูกแย่งการครอบครองนั้น ศาลฎีกาฟังว่าก่อนต้น พ.ศ. 2512 โจทก์ทอดทิ้งที่พิพาทไว้เกินกว่า 1 ปีแล้วและเมื่อโจทก์ไปเห็นบ้าน 2 หลังของบุตรเขยจำเลยปลูกอยู่ในที่พิพาทโดยทราบว่าจำเลยให้บุตรเขยเข้าไปปลูกแล้ว โจทก์ยังทอดทิ้งไว้อีก1 ปีเศษ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ และวินิจฉัยว่าที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรค 2 บัญญัติว่า “การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง” นั้น หมายความว่า เมื่อถูกแย่งการครอบครองแล้ว ผู้ครอบครองจะต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองโดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองจะทราบว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่และไม่คำนึงถึงว่าผู้ครอบครองได้โต้แย้งผู้แย่งการครอบครองหรือได้ร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองว่าถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ ดังนั้น แม้จะฟังว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ก็หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 จำเลยจะต้องครอบครอง 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 หรือไม่

พิพากษายืน

Share