คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารมีว่า ‘ฯลฯ เพราะฉะนั้น เพื่อความสะดวกและถูกต้องในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนคุณ ซึ่งบัดนี้ผมได้เตรียมไว้แล้วตามสมควร ผมขอเชิญคุณไปพบเพื่อคิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าวให้ทราบจำนวนแน่นอน. ในการนี้ขอคุณได้โปรดนำหลักฐานแห่งหนี้ต่างๆคือเช็คที่ผมออกให้ไว้ไปแสดงด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบหลักฐานที่ผมได้ทำไว้ว่าจะตรงกันหรือไม่’. และฉบับต่อมามีว่า ‘ขอให้คุณคิดอัตราดอกเบี้ยเสียใหม่เป็นร้อยละ 2 ตามข้อตกลงเดิมที่แล้วมา ฯลฯ. ทั้งนี้เพื่อผมจะได้จัดการชำระหนี้ของคุณให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด ฯลฯ’. ข้อความดังกล่าวนี้แสดงรับความเป็นหนี้และจำเลยยินยอมที่จะชำระหนี้.เมื่อยอมรับถึงความเป็นหนี้อยู่แม้จะมีข้อโต้เถียงกันในเรื่องจำนวนเงินที่คิดไม่ตรงกัน. ก็เป็นการรับสภาพหนี้. เหตุว่าลูกหนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นหนี้อยู่จริง ไม่จำต้องรับให้ตรงถึงจำนวนบาทสตางค์ด้วย.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2510).
การรับสภาพหนี้มีผลเพียงให้อายุความสะดุดหยุดลง. แล้วเริ่มนับใหม่ต่อไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา181 โดยถืออายุความตามสิทธิเรียกร้องเดิม.
ฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องในมูลหนี้กู้เงิน. เป็นแต่กล่าวว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้โดยมิได้กล่าวว่าเป็นหนี้อะไร. เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ก็ไม่ได้ขอให้ชำระหนี้ตามมูลหนี้เงินกู้. คงขอให้ชำระหนี้ตามจำนวนในเช็ค. จึงเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คอย่างเดียวและต้องนับอายุความตามสิทธิเรียกร้องที่ฟ้องคดี คือสิทธิเรียกร้องตามเช็คนั้น.

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้พิจารณารวมกัน โจทก์บรรยายฟ้องทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า จำเลยเป็นผู้จ่ายเงินตามเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวทั้งหมดไปขอขึ้นเงินต่อธนาคาร ธนาคารบอกปัดโดยอ้างว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์เตือนให้จำเลยชำระหนี้จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ แต่ขอให้คิดบัญชีกันใหม่ แต่แล้วจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ จำเลยสู้ว่า ไม่ใช่เช็คของจำเลย ไม่รับรองลายมือในเช็คว่าเป็นของจำเลย คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นของจำเลยและคำแถลงรับของจำเลยแล้วพิพากษาว่า จดหมายจำเลยถึงโจทก์เชิญไปคิดบัญชีเงินกู้และดอกเบี้ยไม่เป็นการรับสภาพหนี้ เพราะคดีโจทก์ขาดอายุความ ยกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเอกสารมีว่า “ฯลฯ เพราะฉะนั้นเพื่อความสะดวกและถูกต้องในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนคุณซึ่งบัดนี้ผมได้เตรียมไว้แล้วตามสมควร ผมขอเชิญคุณไปพบเพื่อคิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าวให้ทราบจำนวนแน่นอน ในการนี้ขอคุณได้โปรดนำหลักฐานแห่งหนี้ต่าง ๆ คือเช็คที่ผมออกให้ไว้ไปแสดงด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบหลักฐาน ที่ผมได้ทำไว้ว่าจะตรงกันหรือไม่” และฉบับต่อมามีว่า “ขอให้คุณคิดอัตราดอกเบี้ยเสียใหม่เป็นร้อยละ 2ตามข้อตกลงเดิมที่แล้วมา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อผมจะได้จัดการชำระหนี้ของคุณให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด ฯลฯ” ข้อความดังกล่าวนี้แสดงรับความเป็นหนี้และจำเลยยินยอมที่จะชำระหนี้ เมื่อยอมรับถึงความเป็นหนี้อยู่ แม้จะมีข้อโต้เถียงกันในเรื่องจำนวนเงินที่คิดไม่ตรงกันก็เป็นการรับสภาพหนี้ เหตุว่าลูกหนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นหนี้อยู่จริง ไม่จำต้องรับให้ตรงถึงจำนวนบาทสตางค์ด้วยการรับสภาพหนี้มีผลเพียงให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้วเริ่มนับใหม่ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 โดยถืออายุความตามสิทธิเรียกร้องเดิม ฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องในมูลหนี้กู้เงินเป็นแต่กล่าวว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้โดยมิได้กล่าวว่าเป็นหนี้อะไร เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ก็ไม่ได้ขอให้ชำระหนี้ตามมูลหนี้เงินกู้คงขอให้ชำระหนี้ตามจำนวนในเช็ค จึงเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คอย่างเดียว และต้องนับอายุความตามสิทธิเรียกร้องที่ฟ้องคดีคือสิทธิเรียกร้องตามเช็คนั้น พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

Share