คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 70 บัญญัติว่า ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้นจำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น ดังนั้น แม้จำเลยมิได้มีกรรมสิทธิ์ในไม้ของกลางก็ตาม แต่เมื่อจำเลยรับไว้หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ของกลางที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย จำเลยก็ต้งมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันมีไม้ของกลางหวงห้ามไว้ในความครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีไม้สักท่อนยังมิได้แปรรูปและไม้แปรรูป ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๖๙, ๗๓, ๗๕, ๗๕ ทวิ ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีไม้สักท่อนจำคุกคนละ ๒ ปี ฐานมีไม้แปรรูปคนละ ๒ ปี รวมจำคุกคนละ ๔ ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่คงจำคุกจำเลยคนละ ๓ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๘ มาตรา ๗๐ บัญญัติว่า ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น ดังนั้น แม้ไม้ของกลางจะเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นโดยจำเลยทั้งสองมิได้มีกรรมสิทธิ์ในไม้ของกลางก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยทั้งสองรับไว้หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ของกลางที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย จำเลยทั้งสองก็ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันมีไม้ของกลางหวงห้ามไว้ในความครอบครอง
พิพากษายืน

Share