คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293-294/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารมีว่า “ฯลฯ เพราะฉะนั้น เพื่อความสะดวกและถูกต้องในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนคุณ ซึ่งบัดนี้ผมได้เตรียมไว้แล้วตามสมควร ผมขอเชิญคุณไปพบเพื่อคิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าวให้ทราบจำนวนแน่นอน ในการนี้ขอคุณได้โปรดนำหลักฐานแห่งหนี้ต่าง ๆ คือเช็คที่ผมออกให้ไว้ไปแสดงด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบหลักฐานที่ผมได้ทำไว้ว่าจะตรงกันหรือไม่” และฉบับต่อมามีว่า “ขอให้คุณคิดอัตราดอกเบี้ยเสียใหม่เป็นร้อยละ 2 ตามข้อตกลงเดิมที่แล้วมา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อผมจะได้จัดการชำระหนี้ของคุณให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด ฯลฯ ” ข้อความดังกล่าวนี้แสดงรับความเป็นหนี้และจำเลยยินยอมที่จะชำระหนี้ เมื่อยอมรับถึงความเป็นหนี้อยู่ แม้จะมีข้อโต้เถียงกันในเรื่องจำนวนเงินที่คิดไม่ตรงกัน ก็เป็นการรับสภาพหนี้ เหตุว่าลูกหนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นหนี้อยู่จริง ไม่จำต้องรับให้ตรงถึงจำนวนบาทสตางค์ด้วย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2510)
การรับสภาพหนี้มีผลเพียงให้อายุความสะดุดหยุดลง แล้วเริ่มนับใหม่ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 โดยถืออายุความตามสิทธิเรียกร้องเดิม
ฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องในมูลหนี้กู้เงิน เป็นแต่กล่าว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้โดยมิได้กล่าวว่าเป็นหนี้อะไร เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ก็ไม่ได้ขอให้ชำระหนี้ตามมูลหนี้เงินกู้ คงขอให้ชำระหนี้ตามจำนวนในเช็ค จึงเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คอย่างเดียว และต้องนับอายุความตามสิทธิเรียกร้องที่ฟ้องคดี คือสิทธิเรียกร้องตามเช็คนั้น

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้พิจารณารวมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า จำเลยเป็นผู้จ่ายเงินตามเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวทั้งหมดไปขอขึ้นเงินต่อธนาคาร ธนาคารบอกปัด โดยอ้างว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์เตือนให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยทำหนังสือขอรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ แต่ขอให้คิดบัญชีกันใหม่ แต่แล้วจำเลยก็ไม่ชำระขอให้ศาลบังคับ
จำเลยสู้ว่า ไม่ใช่เช็คของจำเลย ไม่รับรองลายมือในเช็คว่าเป็นของจำเลย คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นของจำเลย และคำแถลงรับของจำเลยแล้วพิพากษาว่า จดหมายจำเลยถึงโจทก์ เชิญไปคิดบัญชีเงินกู้และดอกเบี้ยไม่เป็นการรับสภาพหนี้ เพราะคดีโจทก์ขาดอายุความ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเอกสารมีว่า “ฯลฯ เพราะฉะนั้น เพื่อความสะดวกและถูกต้องในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนคุณ ซึ่งบัดนี้ผมได้เตรียมไว้แล้วตามสมควร ผมขอเชิญคุณไปพบเพื่อคิดบัญชีเงินกู้ดังกล่าวให้ทราบจำนวนแน่นอน ในการนี้ขอคุณได้โปรดนำหลักฐานแห่งหนี้ต่าง ๆ คือเช็คที่ผมออกให้ไว้ไปแสดงด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบหลักฐานที่ผมได้ทำไว้ว่าจะตรงกันหรือไม่” และฉบับต่อมามีว่า “ขอให้คุณคิดอัตราดอกเบี้ยเสียใหม่เป็นร้อยละ ๒ ตามข้อตกลงเดิมที่แล้วมา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อผมจะได้จัดการชำระหนี้ของคุณให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด ฯลฯ ” ข้อความดังกล่าวนี้แสดงรับความเป็นหนี้และจำเลยยินยอมที่จะชำระหนี้ เมื่อยอมรับถึงความเป็นหนี้อยู่ แม้จะมีข้อโต้เถียงกันในเรื่องจำนวนเงินที่คิดไม่ตรงกันก็เป็นการรับสภาพหนี้ เหตุว่าลูกหนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นหนี้อยู่จริง ไม่จำต้องรับให้ตรงถึงจำนวนบาทสตางค์ด้วย การรับสภาพหนี้มีผลเพียงให้อายุความสะดุดหยุดลง แล้วเริ่มนับใหม่ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๘๑ โดยถืออายุความตามสิทธิเรียกร้องเดิม
ฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องในมูลหนี้กู้เงินเป็นแต่กล่าวว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้โดยมิได้กล่าวว่าเป็นหนี้อะไร เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ก็ไม่ได้ขอให้ชำระหนี้ตามมูลหนี้เงินกู้ คงขอให้ชำระหนี้ตามจำนวนในเช็ค จึงเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คอย่างเดียว และต้องนับอายุความตามสิทธิเรียกร้องที่ฟ้องคดีคือสิทธิเรียกร้องตามเช็คนั้น
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share