คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินสินบนที่จะให้ตามพ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 30 นั้น พนักงานอัยการไม่มีสิทธิที่จะขอแทนผู้รับสินบน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินบนตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 30 โดยอัยการโจทก์มิได้ขอ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจจะยกขึ้นอ้างและพิพากษาแก้ไขให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 มาตรา 8-17 และ 18 รวมกระทงลงโทษปรับ 50 บาท ลดฐานปราณีกึ่งหนึ่ง คงปรับ 25 บาท กับให้จำเลยเสียค่าสินบนแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 30 อีก 100 บาท คำขอที่ขอให้จ่ายสินบนและรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด 2489 นั้นให้ยกเสียเพราะถูกพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรทับเสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จ่ายค่าสินบน และรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าสินบนตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 นั้น โจทก์มิได้ขอมาจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ทั้งมาตรานี้มิได้ให้อำนาจอัยการที่จะร้องขอได้ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาแก้ได้ จึงพิพากษาแก้ให้จ่ายรางวัลร้อยละ 25ของค่าปรับให้แก่เจ้าพนักงานผู้จับตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด 2489 ค่าสินบนไม่ต้องเสีย

โจทก์ฎีกาให้จ่ายสินบนตาม พระราชบัญญัติให้บำเหน็จฯ

ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 บัญญัติทับเรื่องเงินสินบนในพระราชบัญญัติให้บำเหน็จฯ เสียแล้ว (ฎีกาที่ 1043/2492) และเงินสินบนตามมาตรา 30 พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรนั้นพนักงานอัยการไม่มีสิทธิที่จะขอให้แทนผู้รับสินบน แม้ศาลชั้นต้นจะให้มาโดยโจทก์มิได้ขอ และจำเลยมิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจจะยกขึ้น อ้างและพิพากษาแก้ไขให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

จึงพิพากษายืน

Share