แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเฉพาะข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่า นอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ 6 หลอด หนัก 0.23 กรัม ไว้เพื่อขาย จำหน่าย จ่ายแจก โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยขายเฮโรอีนจำนวน 1 หลอดดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ,14, 20 ทวิ, 20 ตรี, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 4, 6, 7, 12 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุกฐานมียาเสพติดให้โทษไว้เพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษกระทงละสามปีสี่เดือน รวมจำคุกจำเลยหกปีแปดเดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยจำหน่ายเฮโรอีน 1 หลอด ให้แก่สิบตำรวจโทธวัชซึ่งปลอมตัวไปซื้อเมื่อจับกุมค้นพบเฮโรอีนอีก 5 หลอด และหลอดพลาสติกเปล่าอีก 7 หลอดในถุงกระดาษที่จำเลยถืออยู่ การกระทำของจำเลยจึงผิดสองกรรมต่างกัน แต่ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเพียงว่ามียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีนชนิดผงสีขาว) ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อจำหน่ายแจกจ่ายโดยผิดกฎหมายเพียงฐานเดียว มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนซึ่งเป็นความผิดคนละฐานต่างกรรมให้จำเลยทราบ การสอบสวนจำเลยในข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนของพนักงานสอบสวนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ต้องห้ามมิให้ฟ้องจำเลยในความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 120 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย คงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายเพียงกระทงเดียวลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76 แล้ว จำคุกจำเลยไว้สามปีสี่เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า จำเลยจำหน่ายเฮโรอีน 1 หลอดให้แก่สิบตำรวจโทธวัช และภายใน 5 นาที ร้อยตำรวจโทสุรพลกับพวกจับกุมจำเลยได้ ค้นตัวจำเลยได้ธนบัตรที่ร้อยตำรวจโทสุรพลลงชื่อมอบให้ไปซื้อเฮโรอีนจากจำเลย และค้นพบเฮโรอีนอีก 5 หลอด หลอดพลาสติกเปล่าอีก 7 หลอด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเพียงว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้มีการแจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนก็ตาม แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่านอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่ามีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิอีกกระทงหนึ่ง ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76 แล้ว คงจำคุกจำเลยไว้สามปีสี่เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์