คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่

ย่อยาว

เดิมศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนจำนองเต็มตามจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ 9541 ของจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า บัดนี้จำเลยที่ 1 ขอประนอมหนี้กับโจทก์ ขอผ่อนชำระให้เดือนละ 3,000 บาท ฯลฯ โจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่ตกลงด้วย จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จำนองเป็นประกันย่อมหลุดพ้น ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด

ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้รับคำร้องของจำเลยที่ 2 ในข้อที่อ้างว่าโจทก์ได้ตกลงรับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ไว้บ้างแล้ว จึงต้องถอนการยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 เสียไว้เพื่อพิจารณาต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ย่อมดำเนินการขอบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้ขอประนอมหนี้กับโจทก์ และได้ชำระหนี้ไปบ้างแล้วนั้น เป็นการตกลงกันนอกศาลซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลนั้นมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีนี้หาได้ไม่

ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับคำร้องของจำเลยที่ 2 ไว้ทำการพิจารณาต่อไปนั้น ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้ เป็นให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 เสีย

Share