คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางหรือมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 นั้นรถยนต์ของกลางย่อมเป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดที่จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงตลอดจนพฤติการณ์ต่างๆอันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาและเพื่อที่จะรู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะยึดรถยนต์ของกลางไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบคดีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ประกอบกับมาตรา 85

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวนจำเลยที่ 2 เป็นสารวัตรใหญ่ จำเลยที่ 1 ยึกรถยนต์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากอำนาจหน้าที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ไปติดต่อขอรับรถยนต์คืน จำเลยทั้งสองร่วมกันละเว้นเสียซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายโดยมิชอบ โดยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมสั่งคืนรถยนต์แก่โจทก์และพูดจาทำนองเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายอำไพขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับพวกได้จับกุมนายฉลาดพร้อมด้วยรถยนต์บรรทุกสาธารณะ 1 คัน อันเป็นรถของโจทก์ที่นำเข้าร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดภัณฑศิลป์อิมปอร์ตเอกปอร์ต ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง มามอบให้จำเลยที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหาความผิดฐานร่วมกันได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง กระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง หรือมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญษตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำเลยที่ 1 จึงรับตัวนายฉลาดไว้ดำเนินการสอบสวน และยึดรถยนต์คันดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ประกอบกับนายอำไพได้แจ้งให้ดำเนินคดีแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดภัณฑศิลป์อิมปอร์ตในฐานะผู้ร่วมกระทำผิดด้วยในที่สุดจำเลยที่ 1 ก็ติดตามจับกุมนายวิศิษฐ์ผู้จัดการห้างดังกล่าวมาดำเนินคดี ดังนี้รถยนต์ของกลางย่อมเป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดที่จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงตลอดจนพฤติการณ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาและเพื่อที่จะรู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้เป็นพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะยึดรถยนต์ของกลางไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบคดีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ประกอบกับมาตรา 85 การที่จำเลยที่ 1 ยึดรถยนต์ไว้เป็นของกลางจึงมิใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share