คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2916/2522

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

นายประกันเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาในกรณีฝากขังต่อศาล เป็นละเมิดอำนาจศาล “ประพฤติตนไม่เรียบร้อย” หมายถึงไม่ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบที่กำหนดโดยกฎหมายหรือจารีตประเพณี ศาลจำคุก 15 วัน เปลี่ยนเป็นกักขังแทน นายประกันฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3) แต่ปรากฏว่าจำเลยหลบหนีและมีนางอรชร มณีโชติ เข้ามาเป็นตัวจำเลยแทน ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวและสั่งลงโทษนางอรชร มณีโชติ ฐานละเมิดอำนาจศาล ให้จำคุกไว้ 15 วัน ลงโทษนางสมพร ธูปะเตมีย์ นายประกันฐานละเมิดอำนาจศาลเช่นกันให้จำคุกไว้ 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน

นายประกันอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายประกันฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว ข้อแรกนายประกันฎีกาว่านายประกันมิได้รู้เห็นเป็นใจในการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาซึ่งต่อมาเป็นจำเลย

ตามถ้อยคำสำนวนปรากฏว่า พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องและฝากขังผู้ต้องหาครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2522 วันเดียวกันนั้นนายประกันได้ขอให้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาต ขอผัดฟ้องและฝากขังครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2522 นายประกันขอประกันต่อไป ขอผัดฟ้องและฝากขังครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 ศาลออกหมายขังผู้ต้องหา ต่อมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2522 พนักงานอัยการยื่นฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ คือวันที่ 6 มีนาคม 2522 จ่าสิบตำรวจมนตรี เข็มทอง ผู้จับกุมจำเลยแถลงว่า บุคคลที่อ้างว่าเป็นจำเลยในคดีนี้มิใช่จำเลยตัวจริง (ไม่ใช่นางพเยาว์ ปืนจุมพล) ต้องมีการสับเปลี่ยนตัวกันแน่ ศาลสอบบุคคลที่อ้างว่าเป็นจำเลย ยอมรับว่าชื่อนางอรชร มณีโชติ ไม่ใช่จำเลยในคดีนี้ แต่เนื่องจากนางพเยาว์ ปืนจุมพล ได้หนีประกันไปจากศาลเมื่อตอนผัดฟ้อง โดยหนีไปตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 นางน้อย ห่วงเจริญ เจ้าของซ่อง (เป็นคำตามที่ศาลชั้นต้นจดไว้) ได้ไปขอร้องให้นางอรชรมาเป็นจำเลยแทน นางอรชรเกรงใจจึงยอมมาเป็นจำเลยและถูกขังมาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 ศาลสั่งให้ออกหมายจับนางพเยาว์ ปืนจุมพล จำหน่ายคดีชั่วคราว ปรับนายประกันตามสัญญาประกัน ลงโทษนางอรชร มณีโชติ ฐานละเมิดอำนาจศาล และสั่งออกหมายจับนางน้อย ห่วงเจริญ กับนางสมพร ธูปะเตมีย์ นายประกัน วันที่ 7 มีนาคม 2522 นายประกันมาศาลแถลงว่าไม่มีเจตนาจะเปลี่ยนตัวจำเลยเพราะจำหน้าไม่ได้เข้าใจว่านางน้อย ห่วงเจริญ เจ้าของซ่องโสเภณีเป็นผู้สับเปลี่ยน การเปลี่ยนตัวจำเลยครั้งนี้เกิดจากความประมาทพลั้งเผลอ เพราะเท่าที่เคยประกันตัวจำเลยในคดีอื่นก็ไม่เคยมีการผิดพลาดเหมือนเช่นครั้งนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายประกันเป็นผู้ประกันตัวจำเลยไปจากศาล ย่อมรู้จัก และจำหน้าจำเลยได้เป็นอย่างดีนายประกันจึงมีหน้าที่ส่งตัวจำเลยที่แท้จริงต่อศาลตามนัด การที่นายประกันอ้างว่าไม่มีเจตนาเปลี่ยนตัวจำเลย เพราะจำหน้าไม่ได้ย่อมฟังไม่ขึ้น กรณีดังกล่าวรับฟังได้ว่า นายประกันรู้เห็นเป็นใจในการเปลี่ยนตัวจำเลยครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้เพื่อมิให้ถูกบังคับตามสัญญาประกันการกระทำของนายประกันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1042-1044/2516 ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1)

พิเคราะห์พฤติการณ์ดังที่ปรากฏตามถ้อยคำสำนวนดังกล่าวแล้วเห็นว่านายประกันมีโอกาสเห็นหน้าและรู้จักตัวจำเลยตั้งแต่วันขอผัดฟ้องและฝากขังครั้งแรกและครั้งที่ 2 เป็นอย่างน้อย แม้นายประกันจะประกันตัวผู้ต้องหาอื่นอีก 3 คนในวันเดียวกัน ก็ไม่น่าจะถึงกับจำหน้าผู้ต้องหาไม่ได้ดังที่ฎีกา ในการขอผัดฟ้องและฝากขังครั้งที่ 3 นายประกันก็ไม่สามารถส่งตัวนางทองใบ จันทร์ขุนผู้ต้องหาอีกคดีหนึ่งซึ่งประกันตัวไปพร้อมกับจำเลยในคดีนี้ได้ ข้อนี้น่าจะเป็นเหตุให้นายประกันไม่ขอประกันตัวผู้ต้องหาในครั้งนั้น ทั้งน่าจะเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนตัวจำเลยในคดีนี้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ฎีกานายประกันฟังไม่ขึ้น

ข้อต่อมา นายประกันฎีกาว่า กรณีนี้ไม่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ข้อนี้ นายประกันมิได้ยกขึ้นว่ามาในชั้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอิสระภาพของบุคคล อันถือได้ว่าเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยยกขึ้นอ้างชั้นฎีกาได้

นายประกันอ้างเหตุผลว่า คำว่า “ประพฤติตนไม่เรียบร้อย” น่าจะมีความหมายว่าใช้กิริยามารยาททราม ไม่มีความเคารพศาล น่าจะมิได้หมายถึงกรณีสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาเช่นคดีนี้

ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “ประพฤติตนไม่เรียบร้อย” หมายความถึงไม่ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบตามที่กำหนดไว้โดยกฎหมายหรือจารีตประเพณีการเอาบุคคลอื่นมาเปลี่ยนเป็นจำเลยแทนจำเลยที่แท้จริงจึงถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ดังที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 1042-1044/2516ระหว่างผู้ว่าคดีศาลแขวงพระนครใต้ โจทก์ นางมัสยา แช่มวิไล กับพวกจำเลยนายสุพจน์ ดิษฐด้วง นายประกันผู้ร้อง ซึ่งศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้างอิง ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

พิพากษายืน

Share