คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่โจทก์ด้วยเช็ค ซึ่ง ช เป็นผู้สั่งจ่ายนั้น ย่อมเป็นการชำระหนี้ ด้วยการ โอนตั๋วเงินให้ หนี้นี้จะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อ ตั๋วเงินนั้น ได้ใช้เงินแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อโจทก์ ได้รับชำระหนี้ตามเช็คจาก ช. แล้วบางส่วน หนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงระงับไปเพียง เท่าจำนวนนั้น ที่เหลือนั้นจำเลยยังต้องรับผิด ต่อโจทก์ อยู่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น หาได้มีสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ในอันที่จะแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลยเป็น ช. ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของฟิล์มภาพยนตร์ จำเลยเช่าไปฉายค่าเช่า 190,000 บาท จำเลยชำระค่าเช่าเป็นเงินสด 90,000 บาท ชำระด้วยเช็คที่นายชำนาญเป็นผู้สั่งจ่าย 2 ฉบับ ๆ ละ 50,000 บาท เช็คทั้งสองฉบับขึ้นเงินไม่ได้ นายชำนาญยอมชำระเงินโจทก์เพียง 60,000 บาท จำเลยจึงค้างค่าเช่าฟิล์มอยู่อีก 40,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ขายฟิล์มภาพยนตร์ให้จำเลย ไม่ใช่ให้เช่า เช็ค 2 ฉบับ นั้นโจทก์ได้ตกลงกับนายชำนาญผู้สั่งจ่ายเช็คชำระเงินกันเรียบร้อยแล้ว ถือว่าโจทก์สละสิทธิการเรียกร้องตามเช็ค การที่โจทก์ตกลงยอมความกับนายชำนาญ โดยไม่บอกกล่าวแก่จำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์และจำเลยต่างฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์100,000 บาท ให้แก่โจทก์ด้วยเช็คซึ่งนายชำนาญเป็นผู้สั่งจ่ายนั้น ย่อมเป็นการชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินให้หนี้ 100,000 บาทนี้จะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อตั๋วเงินนั้นได้ใช้เงินแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ตามเช็คจากนายชำนาญแล้ว 60,000 บาท หนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงระงับไปเพียงเท่าจำนวนนั้น อีก 40,000 บาทนั้น จำเลยยังต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นนั้นหาได้มีสัญญาระหว่างโจทก์กับนายชำนาญในอันที่จะแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลยมาเป็นนายชำนาญไม่ และอันที่จริงจำเลยก็มิได้ให้การต่อสู้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share