คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานพาอาวุธปืนทั้งสองกระบอกในคราวเดียวกันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เพียงบทเดียว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 นั้น เป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 6, 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 กับริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ปรับ 4,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงปรับ 3,000 บาท ริบอาวุธปืนคาร์บินและเครื่องกระสุนปืนคาร์บินที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7 (ที่ถูกไม่ต้องปรับมาตรา 7). 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 ทวิ วรรคสอง, 78 วรรคหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน และไม่ปรับจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ดาบตำรวจเฉลิมชัย เอี่ยมสะอาด กับพวก ขับรถยนต์ออกตรวจท้องที่ถึงจุดเกิดเหตุเยื้องกับบ้านของจำเลย มีรถกระบะซึ่งมีตราของอาสาสมัครป้องกันภัยจอดอยู่ เห็นจำเลยนำอาวุธปืนคาร์บินของกลางโยนเข้าไปในรถกระบะคันดังกล่าว แล้วเดินข้ามถนนกลับไปที่บ้านจำเลย ดาบตำรวจเฉลิมชัยขับรถไปจอดข้างตัวจำเลยและควบคุมจำเลยไว้ สิบตำรวจเอกกิติศักดิ์ วงษ์พะยอมไปที่รถกระบะ พบอาวุธปืนคาร์บินภายในบรรจุกระสุนปืนคาร์บิน 1 นัด จึงยึดไว้เป็นของกลาง ดาบตำรวจเฉลิมชัยค้นตัวจำเลย พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ซองกระสุนปืน 2 นัด และกระสุนปืนขนาด 11 มม. 13 นัด อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ซึ่งเป็นของจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืนคาร์บิน 1 นัด ของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีดาบตำรวจเฉลิมชัยและสิบตำรวจเอกกิติศักดิ์เป็นพยานเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุพยานทั้งสองเห็นจำเลยสะพายอาวุธปืนคาร์บินอยู่ข้างรถกระบะแล้วจำเลยโยนอาวุธปืนคาร์บินเข้าไปในรถ จากนั้นจำเลยเดินข้ามถนนจะกลับเข้าบ้านของจำเลย ดาบตำรวจเฉลิมชัยจึงเข้าควบคุมตัวจำเลย เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองปากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจออกตรวจท้องที่ไปตามหน้าที่แล้วพบเห็นเหตุการณ์โดยไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์ทั้งสองกลั่นแกล้งหรือปรักปรำจำเลย เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความไปตามความจริง อีกทั้งพยานโจทก์ทั้งสองจับกุมจำเลยพร้อมของกลางและจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมตามบันทึกจับกุมเอกสารหมาย จ.3 โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยรับสารภาพเพราะถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่า จำเลยมีอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืน 1 นัด ของกลางไว้ในครอบครอง ที่จำเลยอ้างว่าอาวุธปืนคาร์บินเป็นของชายคนหนึ่งนำมามอบให้จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปมอบแก่ทางราชการ โดยมีนายมณเฑียร ถวิล นายสุพรรณ อุ้ยคำตรง และนายหลงมา จันทร์แย้ม รู้เห็นเหตุการณ์และอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าขณะที่ดาบตำรวจเฉลิมชัยควบคุมตัวจำเลยและค้นรถกระบะกับตัวจำเลยจนพบอาวุธปืนของกลางหลายรายการ พยานดังกล่าวซึ่งจำเลยอ้างว่ารู้เห็นและอยู่ในที่เกิดเหตุได้เข้าให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมเพื่อชี้แจงเรื่องราวที่มีชายคนหนึ่งนำอาวุธปืนคาร์บินของกลางมาให้จำเลยนำไปมอบแก่ทางราชการแต่ประการใด และขณะที่ดาบตำรวจเฉลิมชัย และสิบตำรวจเอกกิติศักดิ์เบิกความเป็นพยานโจทก์ จำเลยก็มิได้ถามค้านพยานโจทก์ว่านายมณเฑียร นายสุพรรณ และนายหลงมาอยู่ในที่เกิดเหตุและได้แจ้งว่าจำเลยมิใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาวุธปืนคาร์บิน แต่อาวุธปืนคาร์บินเป็นของชายคนหนึ่งนำมามอบให้จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปมอบแก่ทางราชการจริงหรือไม่ ดังนั้น ข้อนำสืบของจำเลยจึงมีน้ำหนักน้อย ไม่พอหักล้างพยานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า จำเลยมีและพาอาวุธปืนดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จึงชอบแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า สมควรลงโทษจำเลยให้เบาลงกว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดโทษจำเลยให้จำคุก 2 ปี เป็นอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายบัญญัติ จึงไม่อาจกำหนดโทษให้เบาลงกว่านี้ได้อีก และข้อหาพาอาวุธปืน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดโทษจำเลยให้จำคุก 6 เดือน ก็เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีก
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืนดังกล่าวกับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ติดตัวไปตามทางสาธารณะนั้นนับว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นอย่างยิ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยจึงเหมาะสมแก่สภาพความผิดของจำเลยแล้ว ฎีกาทุกข้อของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ความผิดฐานพาอาวุธปืนตามฟ้องทั้งสองกระบอกในคราวเดียวกันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เพียงบทเดียว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้และฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นั้น เป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เพียงบทเดียว ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share