คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ให้จำเลยทำประโยชน์จำเลยขอออก น.ส.3 ก.ที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และเพิกถอนชื่อจำเลยออกจาก น.ส.3 ก. ผู้ร้องสอดร้องว่า ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทบางส่วนขอให้ยกฟ้องเกี่ยวกับที่ดินส่วนของผู้ร้องสอด ดังนี้ หากศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมกระทบกระทั่งต่อสิทธิของผู้ร้องสอดในที่ดินพิพาท ซึ่งผู้ร้องสอดอ้างว่าเป็นของตน เป็นการโต้แย้งสิทธิทำให้ผู้ร้องสอดได้รับความเสียหาย ผู้ร้องสอดจึงมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นคู่ความเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องสอดที่มีอยู่ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินตามฟ้องเนื้อที่ ๑๐ ไร่ ๓ งาน ๑๐ ตารางวา เป็นของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ที่ ๑ กู้เงินจำนวน ๓๒,๐๐๐ บาทจากจำเลย และตกลงให้จำเลยทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวบางส่วน จนกว่าโจทก์ที่ ๑ จะชำระเงินกู้แก่จำเลยครบถ้วน ต่อมาจำเลยขอออก น.ส.๓ ก. ที่ดินของโจทก์ทั้งสองบางส่วนเป็นชื่อของจำเลยปรากฎตาม น.ส. ๓ ก.เลขที่ ๕๐ ตำบลโนนจาน อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และจำเลยกับบริวารบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์แล้ว หากให้ผู้อื่นเช่าที่ดินดังกล่าวจะได้ค่าเช่าปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากน.ส.๓ ก. ดังกล่าว แล้วลงชื่อโจทก์ทั้งสองแทนและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ผู้ร้องทั้งสองต่างยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องส่วนหนึ่งเป็นของผู้ร้องที่ ๑ และส่วนหนึ่งเป็นของผู้ร้องที่ ๒ ซึ่งต่างซื้อที่ดินและครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา มิใช่ที่ดินของโจทก์และจำเลย จึงร้องสอดเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองตามสิทธิของผู้ร้องสอด ขอให้ยกฟ้องเกี่ยวกับที่ดินส่วนของผู้ร้องสอด
โจทก์แถลงคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ มิใช่ของผู้ร้องสอดทั้งสอง ผู้ร้องสอดทั้งสองซึ่งเป็นบุตรเขยของจำเลยยื่นคำร้องสอดเพื่อประวิงคดีขอให้ยกคำร้องสอด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจาก น.ส.๓ก. มิได้เกี่ยวข้องกับผู้ร้องสอดทั้งสอง แม้ศาลพิพากษาบังคับตามคำฟ้องก็ไม่กระทบกระทั่งสิทธิของผู้ร้องสอด ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่ผู้ร้องสอดจะขอให้รับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตน จึงให้ยกคำร้องสอดของผู้ร้องทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาล
ผู้ร้องสอดทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองนั้นนอกจากขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจาก น.ส.๓ก. เลขที่ ๕๐ ซึ่งเป็นที่พิพาทแล้ว ยังขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองด้วย หากศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามคำขอท้ายฟ้องย่อมกระทบกระทั่งต่อสิทธิของผู้ร้องสอดทั้งสองในที่ดินพิพาท ซึ่งผู้ร้องสอดทั้งสองอ้างว่าเป็นที่ดินของตน เป็นการโต้แย้งสิทธิทำให้ผู้ร้องสอดทั้งสองได้รับความเสียหายผู้ร้องสอดทั้งสองจึงมีสิทธิร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความเพื่อให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องสอดทั้งสองที่มีอยู่ในที่ดินพิพาทนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้รับคำร้องของผู้ร้องสอดทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาตามรูปความ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา.

Share