แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นปลัดเทศบาลและเป็นเลขานุการสภาเทศบาล จำเลยไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ประธานสภาเทศบาลจึงแต่งตั้งให้ ส.รองปลัดเทศบาลทำหน้าที่เลขานุการสภาเทศบาลแทนจำเลย จำเลยได้ใช้ให้แก้ไขรายงานการประชุมที่ ส. ทำขึ้น โดยจำเลยไม่มีอำนาจแก้ไขได้โดยพลการ เพื่อจะให้ผู้เกี่ยวข้องหลงเชื่อว่าสภาเทศบาลมีมติตามที่จำเลยได้แก้ไข โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบด้วยมาตรา 84 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารดังกล่าว จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 161 อีกบทหนึ่ง เมื่อจำเลยนำเอกสารปลอมนั้นไปอ้างในการขออนุมัติต่อผู้ว่าราชการจังหวัด จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 อีกกระทงหนึ่ง
จำเลยในฐานะเลขานุการสภาเทศบาลเป็นผู้มีหน้าที่ทำรายงานการประชุมของสภาเทศบาล จำเลยทำรายงานการประชุมขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของตนและลงลายมือชื่อตัวเองเป็นผู้ทำ มิได้ทำในนามของบุคคลอื่น เอกสารนั้นจึงเป็นเอกสารที่แท้จริงที่จำเลยทำขึ้น แม้ข้อความในเอกสารจะไม่เป็นความจริง ก็ไม่ทำให้เป็นเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 แต่เป็นการทำเอกสารอันเป็นความเท็จตามมาตรา 162 เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษตามมาตรา 162 จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คำว่า “เพื่อ” ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถือว่าเป็นเจตนาพิเศษ การที่จำเลยแก้ไขมติของสภาเทศบาลในรายงานการประชุมโดยไม่มีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาล หากเป็นการกระทำไปเพราะความเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับระเบียบกระทรวงมหาดไทย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 157
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นปลัดเทศบาลและเลขานุการสภาเทศบาล จึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จำเลยได้ใช้ให้นายพะเยาว์ซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้แก้ไขบันทึกรายงานการประชุมสภาเทศบาลสมัยวิสามัญครั้งที่ ๑/๒ ประจำปี ๒๕๒๑ อันเป็นเอกสารราชการ ซึ่งนายสุวินัยผู้ทำหน้าที่เลขานุการสภาเทศบาลแทนจำเลยเป็นผู้ทำขึ้น อันเป็นการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสาร แล้วจำเลยใช้และอ้างเอกสารราชการที่ปลอมขึ้นดังกล่าว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน ต่อมาจำเลยได้ทำปลอมสำเนาบันทึกรายงานการประชุมสภาเทศบาลสมัยสามัญสมัยที่ ๒ ประจำปี ๒๕๒๑ ครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นเอกสารราชการขึ้นทั้งฉบับโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสาร แล้วจำเลยใช้เอกสารปลอมดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ดังกล่าว เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๘๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๘๔ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๕, ๒๖๘ ซึ่งเป็นบทหนัก
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นปลัดเทศบาลตำบลบางคล้า และเป็นเลขานุการสภาเทศบาลโดยตำแหน่ง ในการประชุมสภาเทศบาลตำบลบางคล้าสมัยวิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒ ประจำปี ๒๕๒๑ จำเลยไม่อยู่ ประธานสภาเทศบาลจึงแต่งตั้งให้นายสุวินัยรองปลัดเทศบาลทำหน้าที่เลขานุการสภาแทนจำเลย เมื่อจำเลยกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ให้นายพะเยาว์แก้ไขขีดฆ่าและตกเติมรายงานการประชุมสภาเทศบาลดังกล่าว และจำเลยลงชื่อย่อกำกับการแก้ไขในเอกสาร
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยได้ใช้ให้นายพะเยาว์แก้ไขมติของสภาเทศบาลตำบลบางคล้าในรายงานการประชุมที่นายสุวินัยเป็นผู้ทำขึ้นโดยจำเลยไม่มีอำนาจแก้ไขได้โดยพลการ และการแก้ไขดังกล่าวก็เพื่อที่จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลงเชื่อว่าสภาเทศบาลตำบลบางคล้ามีมติให้จ่ายขาดเงินสะสมเพื่อซื้อรถยนต์บรรทุกจริง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมติที่ประชุมและขัดกับมติที่แท้จริงของสภาเทศบาลตำบลบางคล้า จึงน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๔ จำเลยกระทำผิดในขณะเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารดังกล่าว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑ อีกบทหนึ่ง เมื่อจำเลยนำเอกสารปลอมนั้นไปอ้างในการขออนุมัติต่อผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ อีกกระทงหนึ่ง
ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลอมรายงานการประชุมสภาเทศบาลตำบลบางคล้าสมัยสามัญ สมัยที่ ๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๒๑ นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการประชุมสภาเทศบาลตำบลบางคล้าดังกล่าว ไม่มีระเบียบวาระเรื่องการเปลี่ยนแปลงมติเกี่ยวกับการจัดซื้อรถยนต์บรรทุก แต่จำเลยได้ทำรายงานการประชุมขึ้นทั้งฉบับพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยในฐานะเลขานุการสภาเทศบาลตำบลบางคล้าโดยตำแหน่งเป็นผู้มีหน้าที่ทำรายงานการประชุมของสภาเทศบาลตำบลบางคล้า จำเลยได้ทำรายงานการประชุมขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของตนและลงลายมือชื่อตัวเองเป็นผู้ทำ จำเลยมิได้ทำในนามของบุคคลอื่นเอกสารรายงานการประชุมจึงเป็นเอกสารที่แท้จริงที่จำเลยทำขึ้น แม้ข้อความในเอกสารดังกล่าวจะไม่เป็นความจริง เพราะในที่ประชุมไม่มีระเบียบวาระดังกล่าว ก็ไม่ทำให้เป็นเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑ แต่เป็นการทำเอกสารอันเป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๒ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยตามบทบัญญัติดังกล่าวถือได้ว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๒ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
ปัญหาว่าการปลอมเอกสารดังกล่าว จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามความในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๑๕๗ ใช้คำว่า “เพื่อ” ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งในที่นี้คือเทศบาลตำบลบางคล้า จึงต้องถือว่าเป็นเจตนาพิเศษ แต่การแก้ไขดังกล่าวจำเลยไม่มีเจตนาเพื่อจะให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตำบลบางคล้าแต่ประการใด หากเป็นการกระทำไปเพราะความเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑, ๒๖๕, ๒๖๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๔ ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๖๑ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่ให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย