แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยได้ถอนฟ้องย่อมเป็นการลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 17 และ 29 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 176 เท่ากับว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 30 (2) แห่ง ป.รัษฎากร หนี้ภาษีอากรค้างตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นอันยุติ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ว่าโดยวิธีฟ้องหรือให้การต่อสู้ในศาลเพื่อขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับตามการประเมินได้ คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุอันสมควรงดหรือลดเบี้ยปรับแก่จำเลยหรือไม่ การที่ศาลภาษีอากรกลางพิจารณางดเบี้ยปรับตามหนังสือแจ้งการประเมินจึงไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ถึง 4 ในฐานะทายาทของพันเอกบุญทวีร่วมกันชำระค่าภาษีอากรค้างจำนวน 724,874.26 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับพันเอกบุญทวีจัดตั้งสำนักงานพีซีซีและเพื่อน แต่นางสาวสุภาพรกับนายพินิจร่วมหุ้นกันเป็นผู้จัดตั้ง โดยมีนางสาวสุภาพรเป็นผู้จัดการรับผิดชอบการบริหารและดำเนินการ จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานแทนสำนักงานพีซีซีและเพื่อนในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับหน่วยราชการ สำนักงานพีซีซีและเพื่อนว่าจ้างจำเลยที่ 1 ทำงานเป็นรายปี จำเลยที่ 1 เพิ่งเข้ารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2536 จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับเงินได้ในปีภาษี 2536 และจำเลยที่ 1 ตรวจสอบแล้ว ในปีดังกล่าว สำนักงานพีซีซีและเพื่อนมีเงินได้เพียง 210,480 บาท และชำระภาษีไปครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การว่า สำนักงานพีซีซีและเพื่อนประกอบธุรกิจการค้าตั้งแต่ปี 2533 โดยพันเอกบุญทวีมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนคณะบุคคลดังกล่าว จำเลยที่ 1 ในนามสำนักงานพีซีซีและเพื่อนได้ว่าจ้างให้ตรวจสอบและรับรองบัญชีงบดุลและงบกำไรขาดทุนของห้างร้านบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทั่วไป โดยได้รับค่าจ้างเป็นราย ๆ ไป มิใช่รับเงินจากส่วนแบ่งกำไรในฐานะเป็นหุ้นส่วน พันเอกบุญทวีจึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการและรับผิดชอบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคณะบุคคลดังกล่าวต่อโจทก์ โจทก์ไม่เคยแจ้งการประเมินภาษีแก่พันเอกบุญทวี ทำให้พันเอกบุญทวีไม่มีโอกาสใช้สิทธิตามกฎหมายในการอุทธรณ์และใช้สิทธิฟ้องร้องคดีต่อศาลพันเอกบุญทวีจึงไม่เป็นผู้มีค่าภาษีอากรค้าง และไม่ถือเป็นผู้ผิดนัดชำระค่าภาษีอากรตามฟ้อง โจทก์ไม่มีสิทธิคิดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมายแก่พันเอกบุญทวี ดังนั้นหากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต้องรับผิดชดใช้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์ ก็ต้องรับผิดเป็นเงินไม่เกิน 247,137 บาท เท่านั้น
ก่อนสืบพยานศาลภาษีอากรกลางได้ไกล่เกลี่ยตามคำขอของคู่คสวาม ฝ่ายจำเลยได้ชำระหนี้ค่าภาษีอากรและเงินเพิ่มตามกฎหมายแก่โจทก์ครบถ้วนแล้วคงเหลือเฉพาะเบี้ยปรับตามการประเมินเท่านั้น คู่ความได้สละประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องและคำให้การคงเหลือเพียงประเด็นว่า มีเหตุอันควรงดหรือลดเบี้ยปรับให้แก่จำเลยทั้งสี่หรือไม่ เพียงใด
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า มีเหตุอันควรงดหรือลดเบี้ยปรับแก่จำเลยทั้งสี่หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า เดิมจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการคณะบุคคลเคยอุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลางโดยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ การที่ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ถอนฟ้องย่อมเป็นการลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 และ 29 เท่ากับว่าจำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 30 (2) แห่งประมวลรัษฎากร หนี้ภาษีอากรค้างตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นอันยุติ จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการคณะบุคคลดังกล่าวและจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ในฐานะทายาทผู้สืบสิทธิในกองมรดกของพันเอกบุญทวีย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ว่าโดยวิธีฟ้องหรือให้การต่อสู้ในศาลเพื่อขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับตามการประเมินได้ คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุอันสมควรงดหรือลดเบี้ยปรับแก่จำเลยทั้งสี่หรือไม่ การที่ศาลภาษีอากรกลางพิจารณางดเบี้ยปรับตามหนังสือแจ้งการประเมินจึงไม่ชอบ”
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ในฐานะทายาทของพันเอกบุญทวี ร่วมกันชำระเบี้ยปรับจำนวน 247,137 บาท แก่โจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ