คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2906/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายช้อนส้อมเช่นเดียวกับที่จำเลยได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์และต้องหยุดดำเนินการไป นับได้ว่าสิทธิของโจทก์ถูกกระทบหรือถูกโต้แย้งสิทธิแต่ผู้เดียวในสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการที่จะกล่าวอ้างว่าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และฟ้องคดีเพื่อขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มาตรา 64 วรรคสอง ได้ความว่าช้อนส้อมของโจทก์มีการผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนที่จำเลยจะขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ทั้งการตรวจคำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ไม่ได้พิจารณาถึงแบบผลิตภัณฑ์ที่มีหรือใช้แพร่หลายอยู่แล้วในประเทศไทยก่อนวันขอรับสิทธิบัตรตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มาตรา 57 (1) และเมื่อไม่ปรากฏว่าแบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของจำเลยแตกต่างจากช้อนส้อมของโจทก์ เท่ากับว่าแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยมีหรือใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในประเทศไทยก่อนวันขอรับสิทธิบัตรและถือว่าไม่มีความใหม่ ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มาตรา 57 (1)
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะขอรับสิทธิบัตรได้ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มาตรา 56 ต้องประกอบด้วยลักษณะ 2 ประการ คือ เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่และเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม จะขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
การที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยไม่มีความใหม่ ย่อมจะไม่อาจขอรับสิทธิบัตรได้ สิทธิบัตรของจำเลยจึงได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 56 แห่ง พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ ถือเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์และเพิกถอนได้ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ มาตรา 64

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรเลขที่ 17419 และ 17420 และให้จำเลยชำระเงินจำนวน 3,349,625 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเพิกถอนและจำเลยได้ยกเลิกการจดทะเบียน กับขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 270,000 บาท ต่อเดือน ให้แก่โจทก์จนกว่าจะมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิบัตรและจำเลยได้ยกเลิกการจดทะเบียน
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เลขที่ 17419 และ 17420 เป็นสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ชอบตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 3 มาตรา 56 และมาตรา 57 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าต่างๆ รวมถึงช้อนส้อมภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง จำเลยได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์และได้มีหนังสือถึงผู้จำหน่ายสินค้าช้อนส้อมต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโจทก์เพราะทำให้โจทก์จำหน่ายสินค้าช้อนส้อมไม่ได้และต้องหยุดการผลิต เมื่อโจทก์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าช้อนส้อมเช่นเดียวกับที่จำเลยได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์และต้องหยุดดำเนินการไปเช่นนี้ นับได้ว่าสิทธิของโจทก์ถูกกระทบหรือถูกโต้แย้งโดยสิทธิแต่ผู้เดียวในสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยแล้วโจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการที่จะกล่าวอ้างว่าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และฟ้องคดีเพื่อขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 64 วรรคสอง
คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า การผลิตและจำหน่ายช้อนส้อมของโจทก์มีมาก่อนที่จำเลยขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือไม่ เห็นว่า พยานบุคคลของโจทก์เกือบทุกปากต่างประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว จึงมีความน่าเชื่อถือว่าจะรู้ว่าเห็นในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง และใบส่งสินค้าก็แสดงว่าช้อนส้อมของโจทก์ซึ่งใช้รหัสว่า K707/10 มีการซื้อขายกันมาตั้งแต่ปี 2540 พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมามีน้ำหนักน่าเชื่อว่าช้อนส้อมของโจทก์มีการผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนที่จำเลยจะขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์คือวันที่ 18 กันยายน 2544 ทั้งโจทก์ยังนำสืบเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจคำขอรับสิทธิบัตรด้วยว่า การตรวจคำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้พิจารณาถึงแบบผลิตภัณฑ์ที่มีหรือใช้แพร่หลายอยู่แล้วในประเทศไทยก่อนวันขอรับสิทธิบัตรตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 57 (1) คดีเป็นอันรับฟังว่า ช้อนส้อมของโจทก์มีการผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนที่จำเลยขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์และถือได้ว่าเป็นแบบผลิตภัณฑ์ที่มีหรือใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในประเทศไทยก่อนวันขอรับสิทธิบัตร
ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยประการต่อไปคือ แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของจำเลยแตกต่างจากช้อนส้อมของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ไม่ปรากฏความแตกต่างในสาระสำคัญระหว่างช้อนส้อมของโจทก์กับของจำเลย กล่าวคือ ช้อนส้อมดังกล่าวต่างมีลักษณะเป็นช้อนส้อมอันเป็นอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารโดยทั่วไป ช้อนมีใบช้อนติดต่อกับด้ามจับซึ่งยาวเรียวตอนปลาย ส่วนส้อมมีใบส้อม 4 ซี่ ติดต่อกับด้ามจับซึ่งยาวเรียวตอนปลาย เฉพาะด้ามจับด้านบนของช้อนส้อมจะมีเส้นขอบนูนรอบด้านตามลักษณะลวดลาย “ลายขอบตั้ง” เหมือนกัน ช้อนส้อมของโจทก์และของจำเลยดังกล่าวจึงมีลักษณะที่เกือบจะเหมือนกัน แม้จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างคือใบช้อนของโจทก์มีลักษณะเป็นรูปไข่ ในขณะที่ใบช้อนของจำเลยมีลักษณะเรียวแหลมกว่า เมื่อไม่ปรากฏว่าแบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของจำเลยแตกต่างจากช้อนส้อมของโจทก์แล้ว เท่ากับว่าแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยมีหรือใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในประเทศไทยก่อนวันขอรับสิทธิบัตรและถือว่าไม่มีความใหม่ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 57 (1) กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง อนึ่ง ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 56 นั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะขอรับสิทธิบัตรได้ต้องประกอบด้วยลักษณะ 2 ประการ คือ เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่และเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม จะขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ การที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยไม่มีความใหม่ ย่อมจะไม่อาจขอรับสิทธิบัตรได้สิทธิบัตรของจำเลยจึงได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 ถือเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์และเพิกถอนได้ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 64 แต่ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิบัตรดังกล่าวด้วยนั้นเป็นการไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยตามสิทธิบัตรเลขที่ 17419 และ 17420 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share