คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วัสดุที่ขาดบัญชีอยู่ในครอบครองและรับผิดชอบของจำเลย หากจำเลยยักย้ายเอาทรัพย์สินของโจทก์ไป โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย ์มาตรา 1336 การที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ไม่ใช่เรื่องละเมิด จึงไม่มีอายุความในการฟ้องคดี
เมื่อจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ การที่รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงทำบันทึกให้จำเลยกับ ฉ. ร่วมกันชดใช้ราคาของที่หายและจำเลยเซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในบันทึกดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าจำเลยยอมรับผิดตามบันทึกเพราะจำเลยเพียงแต่เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งของรองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้นโจทก์จะฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดตามบันทึกไม่ได้ และถือไม่ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าวตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความการที่จำเลยผ่อนชำระเงินให้โจทก์เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ด้วยใช้เงินบางส่วน เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเท่านั้น
โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้ามิใช่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าน้ำมันเบนซิน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการที่จะเรียกเอาค่าน้ำมันเบนซินจากจำเลยจึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค จำเลยเคยเป็นพนักงานของโจทก์ สังกัดฝ่ายจัดซื้อและพัสดุมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคลังพัสดุธนบุรี มีหน้าที่ควบคุมเก็บรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าและควบคุมดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการจ่ายสิ่งของอุปกรณ์ไฟฟ้าออกจากคลังพัสดุ ระหว่างวันที่ ๑๔ สิงหาคม ถึงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๒๐ คณะกรรมการตรวจนับวัสดุคงคลังได้ตรวจนับวัสดุในคลังพัสดุธนบุรีพบว่า จำเลยเบียดบังอุปกรณ์ไฟฟ้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยไป คณะกรรมการสอบสวนแล้ว ปรากฏว่าจำเลยมิได้กระทำตามระเบียบของโจทก์ เบียดบังเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายครั้งหลายหนรวม ๙ รายการเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๖๑,๔๔๒.๐๙ บาท หักรายการที่ ๕ ซึ่งพนักงานอัยการ ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา คงเหลือราคาอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเลยเบียดบังไปอีก ๘ รายการเป็นเงิน๑๙๐,๕๖๒.๐๙ บาท เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายซึ่งจำเลยต้องรับผิด นอกจากนี้จำเลยยังค้างชำระค่าวัสดุขาดหายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นเงิน ๓๓,๑๖๒.๐๔ บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยผ่อนชำระบางส่วนแล้วผิดนัด คงค้างชำระหนี้ส่วนนี้เป็นเงิน ๒๘,๔๔๐.๐๔ บาท และจำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันเบนซินซึ่งเบิกไปใช้แล้วไม่ชำระเป็นเงิน ๒๒๑,๖๕๐ บาท โจทก์เรียกจำเลยคืนทรัพย์สินหรือชดใช้ราคารวมทั้งสิ้น๒๒๑,๒๒๓.๗๘ บาท จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้วัสดุหรือราคาวัสดุอันเนื่องมาจากการทุจริตต่อหน้าที่ของจำเลย ซึ่งเป็นการทำละเมิด ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ และสำหรับค่าน้ำมันเบนซินที่โจทก์ให้จำเลยชำระก็ขาดอายุความด้วย จำเลยไม่ได้เบียดบังยักยอกเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าของโจทก์ไป เมื่อหักรายการที่ ๕ ออกแล้ว ราคาที่จำเลยจะต้องชดใช้เพียง ๓๙,๕๑๗.๒๓ บาทเท่านั้น จำเลยไม่เคยค้างชำระค่าวัสดุขาดหายและไม่เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความเสียหายจำนวนแรกที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเลยเบียดบังไปหรือชดใช้ราคา ๑๙๒,๕๖๒.๐๙ บาทนั้น เห็นว่าวัสดุที่ขาดบัญชีอยู่ในครอบครองและรับผิดชอบของจำเลย หากจำเลยยักย้ายเอาทรัพย์สินดังกล่าวของโจทก์ไป โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ การที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ไม่ใช่เรื่องละเมิด จึงไม่มีอายุความในการฟ้องคดี
สำหรับความเสียหายจำนวนที่สองที่โจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าวัสดุที่ขาดหายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยอ้างว่าจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความขอผ่อนชำระและยังค้างชำระอยู่อีก ๒๘,๔๔๑.๐๔ บาท เห็นว่า ความเสียหายดังกล่าวเกิดแต่มูลละเมิดโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วต้องฟ้องร้องภายในหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรคแรก การที่รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงทำบันทึกให้จำเลยกับนายเฉลิมศักดิ์ร่วมกันชดใช้ราคาของที่หายและจำเลยเซ็นชื่อรับทราบคำสั่งในบันทึกดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าจำเลยยอมรับผิดตามบันทึกเพราะจำเลยเพียงแต่เซ็นชื่อรับทราบคำสั่งของรองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น โจทก์จะฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดตามบันทึกดังกล่าวไม่ได้ และถือไม่ได้ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าวตั้งหลักฐานขึ้นโดยประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องร้องภายในสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๘ การที่จำเลยผ่อนชำระเงินให้โจทก์เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ด้วยใช้เงินบางส่วน เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง จำเลยผ่อนชำระเงินครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๒๔ ซึ่งเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผ่อนชำระครั้งสุดท้าย สิทธิเรียกร้องของโจทก์สำหรับความเสียหายจำนวนนี้จึงขาดอายุความ
โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการจัดหาจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า มิใช่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าน้ำมันเบนซิน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการที่จะเรียกเอาค่าน้ำมันเบนซินที่ค้างชำระจากจำเลยจึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ฟ้องโจทก์สำหรับความเสียหายจำนวนนี้ไม่ขาดอายุความ
พิพากษาแก้เป็นว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยใช้ค่าวัสดุขาดหายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ จำนวน ๒๘,๔๔๑๐.๐๔ บาท ขาดอายุความ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share