คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 1 ยังครอบครองอยู่ ส. ซึ่งเป็นสามีได้แจ้งการครอบครองและรับหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยปกปิดมิให้โจทก์ที่ 1 ทราบ การกระทำของ ส.ย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ที่ 1 และไม่มีอำนาจนำที่พิพาทไปขายให้แก่จำเลยที่ 1 โดยพลการ เมื่อ ส.ไม่มีอำนาจขาย จำเลยที่ 1 ผู้ซื้อย่อมไม่ได้สิทธิอันเกิดจากสัญญาซื้อขายนั้น ฉะนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะรับซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ย่อมไม่ได้รับสิทธิในที่พิพาท เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญเป็นของโจทก์ที่ ๑ ต่อมาโจทก์ที่ ๑ ได้นายแสงเป็นสามี แล้วโจทก์ที่ ๑ ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตรโจทก์กึ่งหนึ่ง โจทก์ทั้งสองได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมากกว่า ๑๐ ปี ปรากฏว่านายแสงสามีโจทก์ที่ ๑ ได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วได้ขายให้จำเลยที่ ๑ โดยปกปิดโจทก์ที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ยื่นเรื่องราวขอขายที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ โจทก์ทราบจึงได้คัดค้าน แต่จำเลยที่ ๒ ยังรับโอนจากจำเลยที่ ๑ การกระทำต่างๆ ของนายแสงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ นิติกรรมการโอนจึงเป็นโมฆะ การซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ก็เป็นไปโดยไม่สุจริต ขอให้เพิกถอนทำลายหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท เพิกถอนทำลายนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทระหว่างนายแสงกับจำเลยที่ ๑ และระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒
จำเลยทั้ง ๒ ให้การว่า นายแสงสามีโจทก์ที่ ๑ ขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยโจทก์ที่ ๑ รู้เห็นยินยอม การโอนขายระหว่างนายแสงและจำเลยที่ ๑ นั้น โจทก์ทั้งสองรู้เห็นยินยอมด้วย จำเลยที่ ๒ ได้ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจำเลยที่ ๒ จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท และจำเลยที่ ๒ ฟ้องแย้งว่าประสงค์จะใช้ที่ดินพิพาท ได้แจ้งให้โจทก์ทั้งสองออกไป โจทก์ทั้งสองผัดผ่อน ขอให้โจทก์ทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทกับให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งจำเลยปราศจากมูลความจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าโจทก์ทั้งสองได้สิทธิครอบครองที่พิพาท ยกฟ้องแย้งจำเลย คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทและใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ ๒
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ที่ ๑ นายแสงแจ้งการครอบครองและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยปกปิดโจทก์ที่ ๑ ย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิอันแท้จริง และยังคงครอบครองอยู่ นางแสงย่อมไม่มีอำนาจจำที่พิพาทไปขายให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือของโจทก์ที่ ๑ เมื่อนายแสงไม่มีอำนาจขาย จำเลยที่ ๑ ผู้ซื้อย่อมไม่ได้สิทธิอันเกิดจากสัญญาซื้อขายนั้น ฉะนั้น แม้จำเลยที่ ๒ จะรับซื้อไว้โดยสุจริตและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ ๒ ก็ย่อมไม่ได้สิทธิในที่พิพาท เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share