คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถึงจำเลยจะซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่ามาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจาก ว. ผู้อาศัยโจทก์ จำเลยก็ไม่ได้สิทธิเพราะ ว. ไม่มีอำนาจเอาที่ดินของโจทก์ไปขายให้จำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ซึ่งเป็นเรื่องการโอนทางทะเบียนและผู้โอนมีชื่ออยู่ในทะเบียนเช่นโฉนดตราจอง
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมา 28-29 ปี โดยไม่ได้ขออาศัยจากโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง เพราะ ว. อยู่ในที่พิพาทฐานะผู้อาศัยจึงเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์เมื่อ ว. ขายให้จำเลย จำเลยย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ ว. มีอยู่คือเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของเท่านั้น เว้นแต่จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
การแจ้งการครอบครองของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไป โดยจำเลยออกค่าใช้จ่าย และห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อเรือนพร้อมที่พิพาทจากนายเวทย์ กาญจนกันติโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองและเข้าครอบครองถือสิทธิเป็นเจ้าของโดยสุจริตและเปิดเผยประมาณ 28-29 ปีแล้ว ทั้งได้แจ้งการครอบครองไว้จำเลยไม่เคยพูดขออาศัยที่พิพาทกับโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท โดยให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย ห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าเดิมที่พิพาทเป็นที่มือเปล่าทางการเพิ่งออกโฉนดให้เมื่อ พ.ศ. 2509 เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้ซื้อที่พิพาทจากนายเวทย์ กาญจนกันติ เมื่อ พ.ศ. 2488 โดยทำหนังสือสัญญากันเอง แต่โจทก์ก็นำสืบได้ความชัดว่าขณะซื้อที่พิพาทเป็นของโจทก์ที่จำเลยอ้างว่า นายเวทย์ กาญจนกันติ ซื้อที่พิพาทจากโจทก์ก่อนขายให้จำเลย6-7 ปีนั้นฟังไม่ได้ เพราะจำเลยเป็นแต่ทราบมา หามีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ดังนั้น ถึงจำเลยจะซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ก็ไม่มีทางได้สิทธิเพราะนายเวทย์ กาญจนกันติ ไม่มีอำนาจเอาที่ดินของโจทก์ไปขายให้จำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ซึ่งเป็นเรื่องการโอนทางทะเบียน และผู้โอนมีชื่ออยู่ในทะเบียนเช่นโฉนดตราจอง การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยไม่ได้ขออาศัยจากโจทก์ ก็ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง เพราะนายเวทย์ กาญจนกันติ เองก็อยู่ในที่พิพาทฐานะผู้อาศัย จึงเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์เมื่อขายให้จำเลย จำเลยย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่นายเวทย์ กาญจนกันติ มีอยู่ คือเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของเท่านั้น เว้นแต่จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ซึ่งไม่มีประเด็นในคดีนี้การแจ้งการครอบครองของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5

พิพากษายืน

Share