คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2897/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มอบเช็คพิพาทให้ธนาคารตรวจสอบบัญชีของจำเลย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2527 เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบแล้วบอกว่าไม่มีเงินจึงคืนเช็คให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินใหม่ เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์แสดงความจำนง ขอรับเงินตามเช็คจากธนาคารในวันที่ 26 มกราคม 2527 นั้นแล้ว แม้ธนาคารจะมิได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นลายลักษณ์อักษรก็ต้องถือว่าความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คฯ พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์ไว้แต่มาฟ้องคดีเกินกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คผู้ถือของธนาคารกสิกรไทยสาขาพัทลุง จำนวนเงิน 50,000 บาท ลงวันที่ 26 มกราคม 2527 เพื่อชำระหนี้เงินกู้ ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูลสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษจำคุก 5 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์มิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันรู้ถึงการกระทำผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีโจทก์ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยว่า ในวันที่ 26 มกราคม 2527 โจทก์นำเช็คไปสอบถามธนาคารโดยโจทก์มอบเช็คให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อตรวจดูบัญชีของจำเลยแล้วบอกว่าไม่มีเงินจึงคืนเช็คให้โจทก์ ในวันนั้นถ้ามีเงินในบัญชีโจทก์ก็ขอเบิกเงิน นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของนายเดชาเรืองสวัสดิ์ สมุห์บัญชีธนาคารตามเช็คพิพาทว่าในวันที่ 26 มกราคม2527 ถือว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว ดังนี้คำเบิกความของพยานโจทก์มีความหมายชัดแจ้งว่าโจทก์แสดงความจำนงจะขอรับเงินตามเช็คจากธนาคารในวันนั้นแล้ว และธนาคารมีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์ผู้ทรงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 991 แม้ธนาคารจะมิได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ก็ไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินเช่นนี้ต้องทำเป็นลายลักษณ์อัการจึงจะเป็นความผิด จึงต้องถือว่าความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในครั้งแรกและถือว่าโจทก์ได้รู้เรื่องความผิดและรู้ถึงตัวผู้กระทำความผิดแล้วการที่โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินใหม่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 26กรกฎาคม 2527 หาทำให้อายุความเริ่มนับใหม่แต่อย่างใดไม่ เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์ไว้ แต่มาฟ้องคดีเกินกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share