คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองกำหนดว่า หากจำเลยไม่จัดการเอาประกันอัคคีภัยทรัพย์จำนองและโจทก์ได้จัดการเอาประกันภัยเอง จำเลยยินยอมนำเงินค่าเบี้ยประกันภัยที่โจทก์ได้จ่ายแทนไปมาชำระจนครบถ้วน ดังนี้หากโจทก์ยังไม่ได้ชำระเบี้ยประกันอัคคีภัยแทนจำเลย จำเลยก็ยังไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยคืนแก่โจทก์ การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยนับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไปทุก ๆ สามปี จึงเป็นการฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในหนี้อนาคตที่ยังมิได้เกิดมีขึ้นและขณะฟ้องยังไม่มีหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิด ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดในส่วนนี้เป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องโดยให้โจทก์ชนะคดีน้อยกว่าเดิมทั้งที่โจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 701,637.37 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.50 ต่อปี ของต้นเงิน 656,662.35 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ และให้จำเลยชำระค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 1,182.35 บาท ทุก ๆ สามปีต่อครั้งตลอดไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 จนกว่าจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
ศาลชั้นต้นรับฟ้องเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 667,001.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงิน 656,662.35 บาท นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2547 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยทรัพย์จำนองที่โจทก์จ่ายแทนจำเลยไปตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,182.35 บาท ทุก ๆ สามปี นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไปจนกว่าสัญญาจำนองจะระงับสิ้น หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 37736 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแก่โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2545 จำเลยกู้เงินโจทก์ 657,000 บาท ยอมเสียดอกเบี้ย 3 ปีแรกในอัตราคงที่ โดยปีที่ 1 อัตราร้อยละ 4 ต่อปี ปีที่ 2 และปีที่ 3 อัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี ต่อจากนั้นยอมให้โจทก์เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นหรือต่ำกว่าอัตราที่กำหนดไว้ได้ตลอดอายุสัญญากู้ หากผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยและต้นเงินตามกำหนดยอมให้โจทก์เพิ่มอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กำหนดโดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยทราบล่วงหน้า จำเลยจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ ต่อมาภายหลังจากที่จำเลยผิดนัดแล้ว โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจากอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 13.50 ต่อปี
ปัญหาว่าการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยทรัพย์จำนองที่โจทก์จ่ายแทนจำเลยไปตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,182.35 บาท ทุก ๆ สามปี นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไปตามคำขอของโจทก์หรือไม่นั้น เห็นว่า ตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองกำหนดว่า หากจำเลยไม่จัดการเอาประกันอัคคีภัยทรัพย์จำนองและโจทก์ได้จัดการเอาประกันภัยเอง จำเลยยินยอมนำเงินค่าเบี้ยประกันภัยที่โจทก์ได้จ่ายแทนไปมาชำระจนครบถ้วนภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่โจทก์แจ้งให้ทราบ ถ้าผิดนัดไม่ชำระ จำเลยยินยอมให้ทบเงินค่าเบี้ยประกันภัยรวมเข้ากับยอดเงินที่ค้างชำระและยินยอมให้คิดดอกเบี้ย จึงเห็นได้ว่า หากโจทก์ยังไม่ได้ชำระเบี้ยประกันอัคคีภัยแทนจำเลย จำเลยก็ยังไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยคืนแก่โจทก์ การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยนับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไปทุก ๆ สามปี จึงเป็นการฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในหนี้อนาคตที่ยังมิได้เกิดมีขึ้นและขณะฟ้องยังไม่มีหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดในส่วนนี้เป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยชำระค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยจำนวน 1,182.35 บาท ทุก ๆ สามปีต่อครั้ง นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2548 จนกว่าจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share