คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5061/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยชำระค่าภาษีจำเลยได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อศาลตามประมวล รัษฎากรมาตรา 30(2) แล้ว คำวินิจฉัยดังกล่าวอาจถูกเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลได้ กรมสรรพากรมีสิทธิจะได้รับชำระค่าภาษีหรือไม่จึงต้องรอคำวินิจฉัยของศาลเสียก่อน ดังนั้น ขณะที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล กรมสรรพากรไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าภาษีดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำสุราต่างประเทศออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยไม่ได้รับยกเว้นภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้จำเลยที่ ๑ ชำระภาษีอากรรวม ๒๐๔,๘๑๑.๒๐ บาท จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการประเมินชอบแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมชำระภาษีอากรกลับยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาล ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นับแต่จำเลยที่ ๑ ได้รับแจ้งการประเมินถึงปัจจุบันจะครบ ๑๐ ปีแล้ว โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้วในกรณีที่ผู้ต้องเสียภาษีอากรอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ ในประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๐(๒) และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น เป็นที่เห็นได้ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยเห็นชอบอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลได้ กรมสรรพากรมีสิทธิที่จะได้รับชำระภาษีอากรตามที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยแล้วหรือไม่ จึงต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเสียก่อน มิฉะนั้นบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรที่กล่าวมาแล้วก็จะไร้ผล คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ผู้ต้องเสียภาษีอากรอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาล และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คดียังไม่ถึงที่สุด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share