คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไป มิได้ชำระราคาสินค้าเป็นเงินสด แต่ได้นำเช็คของผู้มีชื่อมอบแก่โจทก์ โดยจำเลยสัญญาว่าถ้าโจทก์รับเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ ให้โจทก์นำเช็คไปแลกเงินสดจากจำเลยได้ทันที ครั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดจากจำเลย จำเลยเพิกเฉยไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ทั้งจำเลยก็ให้การว่าจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ และทางพิจารณาโจทก์จำเลยต่างก็นำสืบโต้เถียงกันในเรื่องซื้อขาย จึงเป็นการพิพาทกันตามสัญญาซื้อขายโดยตรง หาใช่พิพาทกันเรื่องตั๋วเงินไม่ ดังนี้ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่นั้น จึงหมายความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็ค ซึ่งจำเลยนำมาชำระค่าสินค้าหรือไม่นั่นเอง การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ตามมูลหนี้ซื้อขายสินค้า จึงไม่เป็นการนอกฟ้องหรือนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์เป็นเงิน 47,350 บาทจำเลยนำเช็คของนายยู่อิ้วชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามจำเลย จำเลยผัดผ่อนเรื่อยมา จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องแก่โจทก์จำนวน 49,101 บาท
จำเลยให้การว่าไม่เคยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ นายยู่อิ้วสั่งซื้อสินค้าจากจำเลยเป็นเงิน 14,200 บาท และสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ 33,150 บาท รวมเป็นเงินตามเช็ค 47,350 บาทที่โจทก์นำมาฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำฟ้องของโจทก์ได้อ้างข้อหาว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์และเรียกค่าเสียหายโดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ไป จำเลยมิได้ชำระราคาสินค้าให้โจทก์เป็นเงินสด แต่ได้นำเช็คของผู้มีชื่อซึ่งสั่งจ่ายเงินจำนวนเท่ากับราคาสินค้าที่โจทก์ส่งมอบให้แก่จำเลย โดยจำเลยสัญญาว่าถ้าโจทก์รับเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ให้โจทก์นำเช็คไปแลกเงินสดจากจำเลยได้ทันที ครั้นเช็คถึงกำหนดจ่ายเงินโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดจากจำเลยตามข้อตกลง แต่จำเลยเพิกเฉยไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ในที่สุดโจทก์จึงไม่ได้รับเงินตามสัญญา ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยทั้งจำเลยก็ให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ตามฟ้องดังนี้ จึงเป็นการพิพาทกันตามสัญญาซื้อขายโดยตรง หาใช่พิพาทกันเรื่องตั๋วเงินไม่ และทางพิจารณา โจทก์จำเลยต่างก็นำสืบโต้เถียงกันในเรื่องซื้อขายว่าจำเลยจำต้องรับผิดชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์ตามจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่นั้น จึงหมายความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็คของผู้มีชื่อซึ่งจำเลยนำมามอบให้โจทก์เพื่อชำระค่าสินค้าหรือไม่นั่นเองเพราะเมื่อเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ โจทก์จึงนำเช็คไปคืนให้จำเลยเพื่อขอรับเงินค่าสินค้าเป็นเงินสด แต่จำเลยปฏิเสธและไม่จ่ายเงินให้โจทก์ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามสัญญาซื้อขายเป็นคดีนี้ หาได้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยตรงไม่ เนื่องจากจำเลยไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายหรือสลักหลังเช็คดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยไม่ได้ ทั้งการนำสืบตามประเด็นข้อพิพาทโจทก์จำเลยก็นำสืบในเรื่องซื้อขายหาได้นำสืบในเรื่องความรับผิดตามตั๋วเงินโดยตรงไม่ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ตามมูลหนี้ซื้อขายสินค้า จึงไม่เป็นการนอกฟ้องหรือนอกประเด็น”
พิพากษายืน

Share