แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าอุทธรณ์ข้อ 2เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงส่วนข้อ 3 เป็นการอุทธรณ์ข้อกฎหมายซึ่งจำเลยมิได้สู้ไว้ในคำให้การ จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2. เรื่องค่าชดเชย จำเลยจะต้องจ่ายให้ลูกจ้างหากมีการเลิกจ้างโดยไม่ใช่ความผิดของลูกจ้าง และไม่ต้องจ่ายหากลูกจ้างปฏิบัติไม่ชอบตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน กรณีของโจทก์ทั้งสองจะมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนอุทธรณ์ข้อ 3 เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่จำเลยได้ต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นแล้วที่กล่าวเพิ่มเติมมาเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ (อันดับ 41)
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยเรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 และเรียกโจทก์สำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 13,257 บาทและจำนวน 27,313 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 34)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสองมิได้ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ขาดงานเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน เป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งสองต่ำกว่าอัตราชั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด เห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ เป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยสองข้อนี้ชอบแล้วให้ยกคำร้อง