คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ในคดีก่อน โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้กับจำเลยอีกต่อไป ขอถอนฟ้องจำเลยแถลงไม่คัดค้าน ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง มีความหมายเพียงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยสำหรับคดีนั้นเท่านั้น หาอาจแปลไปว่าโจทก์จะไม่ฟ้องคดีใหม่กับจำเลยอีก ทั้งมิใช่เป็นการถอนฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ภายในอายุความ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยอ้างเหตุต่างกัน กล่าวคือ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ส่วนศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความแต่ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่สำหรับปัญหาข้ออื่นซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ ได้แก่เรื่องอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยค้างค่ากระแสไฟฟ้า และโจทก์มีสิทธิเรียกค่ากระแสไฟฟ้าจากจำเลยตามฟ้องหรือไม่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ย่อมมีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นที่ยังเหลืออยู่ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้า 9,000.68 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย นายวีระ ปิตรชาติ ไม่ได้มอบอำนาจให้นายสันติ สุทธิพันธ์ ฟ้องคดีนี้ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ เพราะโจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจากจำเลยมาแล้วเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 640/2527 ของศาลชั้นต้น คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ดังกล่าวจากจำเลยอีก และโจทก์ได้ฟ้องเรียกหนี้จากนายจรัญ ปานสุวรรณ พนักงานของโจทก์ผู้ต้องรับผิดต่อโจทก์ไปแล้วฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า โจทก์จำเลยมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไร จำเลยตกลงซื้อกระแสไฟฟ้าจากโจทก์โดยมีข้อตกลงอย่างไร อัตราค่ากระแสไฟฟ้าขึ้นลงตามข้อตกลงฉบับใด จำเลยค้างชำระเดือนใด ใบจดหน่วยตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจำเลยค้างชำระหรือไม่อย่างไร และเพราะเหตุใดโจทก์จึงเอาจำนวนหน่วยที่ค้างคูณกับราคา 1,5953 บาท ทั้งที่ไม่เคยมีข้อตกลงกันโจทก์คิดค่ากระแสไฟฟ้ามาไม่ถูกต้อง โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าเป็นปกติธุระ จึงอยู่ในฐานะผู้ค้า การฟ้องเรียกเอาสินจ้างจากการค้าของโจทก์มีอายุความสองปีโจทก์ทราบว่าจำเลยค้างชำระค่ากระแสไฟฟ้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2526แต่นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533 จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ แต่ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ ในปัญหานี้ ปรากฏว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าพร้อมดอกเบี้ยซึ่งเป็นมูลหนี้อย่างเดียวกันนี้มาครั้งหนึ่งแล้วตามคดีของศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดำที่ 168/2527หมายเลขแดงที่ 640/2527 และจำเลยให้การแก้คดีไว้แล้ว ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ในคดีก่อน โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้กับจำเลยอีกต่อไป จึงขออนุญาตให้ถอนฟ้องคดีนี้ดังคำร้องลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2530 จำเลยได้รับสำเนาแล้วแถลงไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2530 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้ในคดีก่อนโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป ก็มีความหมายว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยสำหรับคดีนั้นเท่านั้น หาอาจแปลไปว่าโจทก์จะไม่ฟ้องคดีใหม่กับจำเลยอีก ทั้งมิใช่เป็นการถอนฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไปโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ภายในอายุความ
สำหรับปัญหาข้ออื่นซึ่งศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ได้แก่เรื่องอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยค้างค่ากระแสไฟฟ้าและโจทก์มีสิทธิเรียกค่ากระแสไฟฟ้าจากจำเลยตามฟ้องหรือไม่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นที่ยังเหลืออยู่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share