คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง. ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทำผิดทั้งสองฐาน.แต่ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าอันเป็นกระทงหนัก. จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานพยายามฆ่า. แต่ในระหว่างพิจารณาศาลอุทธรณ์มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 ออกมา.ให้ผู้มีอาวุธปืนโดย.ไม่.รับอนุญาตไปขอรับอนุญาตภายใน90 วัน. โดยไม่ต้องรับโทษ. เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองข้อหา. และโจทก์ฎีกาคัดค้านขึ้นมา. ดังนี้ แม้ความผิดฐานมีอาวุธปืนจะถึงที่สุดแล้ว. แต่โดยเหตุที่ศาลฎีกายกฟ้องฐานพยายามฆ่า. เมื่อจะลงโทษความผิดฐานมีอาวุธปืน. ซึ่งศาลชั้นต้นมิได้กำหนดโทษฐานนี้ไว้ คดีก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ซึ่งบัญญัติว่าแม้คดีถึงที่สุดแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น. จึงเป็นอันว่าศาลฎีกาจะกำหนดโทษให้ลงแก่จำเลยในความผิดฐานนี้อีกไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับพวกอีก 2 คน ใช้อาวุธปืนยิงนายสาหัสโดยเจตนาฆ่า หากแต่ไม่ถึงแก่ความตายดังเจตนา ขอให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตายในความผิดชั้นพยายามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 32 และฐานมีอาวุธปืนแก๊ปยาวไม่มีทะเบียนจำนวน1 กระบอกไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 และริบของกลาง จำเลยรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืน แต่ปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดทุกข้อหาตามฟ้องให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 ให้จำคุก 20 ปี ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ในข้อหาพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในข้อหาพยายามฆ่าส่วนในข้อหาฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนนำไปขอรับอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน 90 วัน จึงถือว่ากฎหมายยกเว้นโทษในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้ดังกล่าว ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2503 พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา และในข้อหามีอาวุธปืนโต้แย้งว่า พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 ไม่มีผลย้อนหลัง ทั้งเป็นเวลาล่วงเลยกำหนด 90 วัน ตามที่กำหนดไว้นั้นแล้ว ศาลฎีกาวินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์ในข้อหาพยายามฆ่า ส่วนข้อหาฐานมีอาวุธปืนผิดกฎหมายนั้น เห็นว่าสำหรับข้อหานี้จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นลงโทษและจำเลยมิได้อุทธรณ์ต่อมา คงอุทธรณ์แต่ความผิดฐานพยายามฆ่าฐานเดียว แม้ความผิดฐานมีอาวุธปืนจะถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่โดยเหตุที่ศาลยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า เมื่อจะลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งศาลชั้นต้นไม่กำหนดโทษฐานนี้ไว้ คดีก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 ซึ่งบัญญัติว่า แม้คดีจะถึงที่สุดแล้วก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น จึงเป็นอันว่าศาลจะกำหนดโทษให้ลงแก่จำเลยในความผิดฐานนี้อีกไม่ได้ พิพากษายืน.

Share