คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจ้างทำนาเป็นหนังสือโดยอำพรางนิติกรรมการเช่านา สัญญาเช่านาที่ถูกอำพรางนั้นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิฉะนั้นไม่มีผลบังคับ และจะถือเอาหลักฐานสัญญาจ้างทำนาเป็นหลักฐานการเช่านามิได้ เมื่อการเช่านามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ และโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากนาแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในนาที่เช่านั้นต่อไปได้ การอยู่ต่อมาของจำเลยจึงเป็นละเมิด
ประชุมใหญ่ ครั้ง 20/2509

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้ทำสัญญาเป็นหนังสือจ้างจำเลยทำนาของโจทก์ มิได้กำหนดเวลาจ้างไว้ ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งข้าวให้โจทก์ โจทก์ได้บอกเลิกสัญญา แต่จำเลยยังไม่ยอมออกไปจากนาของโจทก์ จึงขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าได้เช่านาของโจทก์โดยตกลงด้วยวาจา โจทก์บังคับและหลอกลวงให้จำเลยทำสัญญาจ้างทำนา จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าสัญญาจ้างทำนาทำกันไว้ในลักษณะนิติกรรมอำพราง โจทก์จำเลยคงปฏิบัติต่อกันในลักษณะเป็นสัญญาเช่านา สัญญาจ้างทำนาจึงไม่มีผลบังคับ จำเลยไม่ผิดสัญญาเช่านา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า สัญญาจ้างทำนาเป็นนิติกรรมอำพรางการเช่านา แต่การเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัย ๒ ข้อ คือ ๑. สัญญาเช่านาที่ถูกอำพรางโดยสัญญาจ้างทำนาจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำตามแบบที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือไม่ และ ๒. จะถือเอาหลักฐานสัญญาจ้างทำนาเป็นหลักฐานการเช่านาได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ๑. สัญญาเช่านาที่ถูกอำพรางโดยสัญญาจ้างทำนา ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิฉะนั้นไม่มีผลบังคับ ๒. จะถือเอาหลักฐานสัญญาจ้างทำนาเป็นหลักฐานการเช่านาไม่ได้ ฉะนั้น การเช่านาพิพาทจึงจะบังคับคดีกันมิได้ เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองทราบแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในนาของโจทก์ต่อไป การอยู่ต่อมาของจำเลยจึงเป็นละเมิด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย

Share