คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำร้องของจำเลยจะได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่จำต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นมาด้วยก็ตาม แต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องนั้น จำเลยได้ระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาของคำร้องจำเลยก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด ทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงพอขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ให้จำเลยชำระเงิน 1,025,273.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท

วันที่ 28 มกราคม 2543 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 ตามขอ

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2543 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีกถึงวันที่ 16 มีนาคม 2543 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไปถึงวันที่ 15 มีนาคม 2543

วันที่ 16 มีนาคม 2543 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีกถึงวันที่ 24 มีนาคม 2543 โดยทนายจำเลยผู้ทำคำร้องขออ้างว่า เพื่อจะได้แจ้งวันครบกำหนดอุทธรณ์ให้ตัวจำเลยทราบ เพราะตัวจำเลยยังไม่ทราบวันครบกำหนดอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้อนุญาตขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยถึงวันที่ 15 มีนาคม 2543 จำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามที่ศาลขยายให้ เหตุที่อ้างตามคำร้องมิใช่พฤติการณ์พิเศษและกรณีไม่มีเหตุสุดวิสัยไม่อาจขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้ได้อีก ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

วันที่ 24 มีนาคม 2543 จำเลยยื่นอุทธรณ์ พร้อมยื่นคำร้องขอวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมบางส่วนก่อน โดยขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลือออกไปถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2543

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลย และมีคำสั่งอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่ขยายให้ ไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สำเนาให้โจทก์ จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและเงินชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์คำสั่ง ให้รวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์โดยเร็ว

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยฉบับลงวันที่ 11 เมษายน 2543 จำเลยได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่จำต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์และเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ที่จำเลยต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น เห็นว่า แม้คำร้องของจำเลยจะได้บรรยายสรุปข้อเท็จจริงดังกล่าวมาด้วยก็ตาม แต่ข้อความแรกอันเป็นชื่อคำร้องนั้น จำเลยได้ระบุยืนยันว่าเป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์เท่านั้น ข้อความอันเป็นส่วนเนื้อหาของคำร้องจำเลยก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใดทั้งคำขอบังคับจำเลยก็สรุปเพียงขอให้ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาเท่านั้น คำร้องอุทธรณ์ของจำเลยจึงแสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2543 โดยมีข้อเท็จจริงในเรื่องเหตุจำเป็นต้องยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและเหตุที่จำเลยเข้าใจผิดพลาดในกำหนดวันครบอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นเพื่อประกอบการวินิจฉัยให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา หาใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share