แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เป็นเงินจำนวน 2,500 บาท นอกจากนี้ยกเว้นให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ โดยให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาชำระ ภายใน 30 วัน คือภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 แต่เมื่อครบกำหนด จำเลยไม่ได้วางค่าธรรมเนียมศาล จำเลยมายื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 และตามเหตุผลในคำร้องดังกล่าวพอถือได้ว่าเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอขยาย ระยะเวลาการวางค่าธรรมเนียมศาลภายในกำหนดเวลาคือวันที่ 25 กรกฎาคม2540 หากพ้นกำหนดจำเลยจะสามารถยื่นคำร้องได้ต่อเมื่อมีเหตุสุดวิสัย ฉะนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว และเหตุผลตาม คำร้องที่อ้างว่าเพิ่งจะขอยืมเงินจากผู้อื่นได้เมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้น กำหนดแล้วถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปกับรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินดังกล่าว หากไม่รื้อ โจทก์ขอรื้อถอนเองโดยให้จำเลยออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยให้รื้อถอนบ้านออกไปด้วย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เป็นเงิน 2,500 บาท ค่าธรรมเนียมนอกจากนี้ยกเว้นให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวมาชำระภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 จำเลยยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ขออนุญาตชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นสั่งว่า มีเหตุอันสมควรอันเป็นเหตุสุดวิสัย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอนุญาตแล้วมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์2,500 บาท แก่จำเลย
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในเบื้องต้นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2540 ว่า ให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เป็นเงินจำนวน 2,500 บาท ค่าธรรมเนียมนอกจากนี้ยกเว้นให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ โดยให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาชำระภายใน30 วัน ตามคำสั่งดังกล่าวนี้ วันครบกำหนดที่จำเลยจะต้องวางค่าธรรมเนียมศาลคือวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 แต่ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ได้วางค่าธรรมเนียมศาล จำเลยมายื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ซึ่งตามเหตุผลในคำร้องฉบับลงวันที่ดังกล่าวพอถือได้ว่าเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางค่าธรรมเนียมศาลภายในกำหนดเวลาคือวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 หากพ้นกำหนดจำเลยจะสามารถยื่นคำร้องได้ต่อเมื่อมีเหตุสุดวิสัย ฉะนั้นเมื่อจำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว และเหตุผลตามคำร้องที่อ้างว่าเพิ่งจะขอยืมเงินจากผู้อื่นได้เมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้วถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน