คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครอง ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินพิพาทพร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้จับจองครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่สาธารณะ ขอให้ยกฟ้อง เป็นคดีมีข้อพิพาทโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ตีราคามาเป็นเงิน 50,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าแผงขายสินค้าที่จำเลยปลูกสร้างอยู่ในเขตที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์และพิพากษาคดีมาจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาโจทก์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 374 ซึ่งใช้ในกิจการโรงแรม ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2541 จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสิ่งปลูกสร้างขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร 1 หลัง เพื่อขายสินค้าชนิดต่าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอน แต่จำเลยเพิกเฉย จึงเป็นการกระทำละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายไม่อาจใช้ประโยชน์จากที่ดินพิพาทได้ โดยหากให้เช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อปี 2537 จำเลยและบุคคลอื่นรวม 20 ถึง 30 คน ไปจับจองที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณชายทะเลหน้าโรงแรมเชอราตัน โดยตั้งแผงลอยขายสินค้าแก่นักท่องเที่ยว ต่อมาหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเห็นว่าการตั้งแผงลอยดังกล่าวไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและยากแก่การควบคุมดูแล จึงประชุมกลุ่มผู้ค้าและจัดแบ่งที่ดินสาธารณประโยชน์บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมเชอราตันให้เป็นส่วนสัดเพื่อขายสินค้า โดยไม่ให้แก่งแย่งกันและไม่ให้บังหน้าโรงแรม จำเลยได้รับการจัดแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะบริเวณชายหาดทะเลอยู่ด้านหน้าทางขวาของโรงแรมเชอราตันขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร จึงปลูกสร้างร้านค้าโดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งและไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 374 ออกทับที่ดินสาธารณะซึ่งประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่อาจอ้างว่าเป็นที่ดินของโจทก์ได้ สำหรับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินควรเนื่องจากที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 500 บาท เท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครอง ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินพิพาทพร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยเป็นผู้จับจองครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่สาธารณะ ขอให้ยกฟ้อง เป็นคดีมีข้อพิพาทโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ตีราคามาเป็นเงิน 50,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าแผงขายสินค้าที่จำเลยปลูกสร้างอยู่ในเขตที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครองครอง ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์และพิพากษาคดีมาจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาโจทก์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยกอุทธรณ์โจทก์และยกฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share