แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนจำเลยเป็นผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ผ.โดยโจทก์คดีนี้เป็นผู้ร้องคัดค้าน ส่วนคดีนี้ผู้ร้องคัดค้านในคดีก่อนกลับเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องขอเป็นจำเลยโจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่โจทก์คนเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ทั้งสามร่วมกัน ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสามไม่เคยเข้าทำนาในที่พิพาทหรือแย่งการครอบครอง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 416/2530 ของศาลชั้นต้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสามและนางผา ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้อน พิพากษาว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 9550 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้วจังหวัดยโสธร เป็นของโจทก์ทั้งสาม ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติว่า “นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้วคดีนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาและผลแห่งการนี้
(1) ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น และ…”
ปรากฏว่า คดีก่อนจำเลยเป็นผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางผา ขอสุข โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ร้องคัดค้าน ส่วนคดีนี้ผู้ร้องคัดค้านกลับเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องขอเป็นจำเลย โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่โจทก์คนเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน