คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การบังคับวางระเบียบ+การรักษาป่า 2456+ 2, 17

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตัดฟันไม้ยางซึ่งเป็นไม่ประเภทหวงห้ามในป่าตำบลยางประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาค
หลวงขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. รักษาป่า ๒๔๕๖ กฏข้อบังคับ++วิธีพิจารณาอาญามาตรา+++เทศภิบาลว่า+เป็นเขตต์หวงห้ามตัด+ข้อเท็จจริงที่โจทก์+กล่าวในฟ้องเมื่อโจทก์ได้กล่าวในฟ้องก็+ประเด็นที่โจทก์จะนำ+ตรงนี้คดีเชนนี้ศาล+ฟ้อง
กล่าวในฟ้องว่าจำเลยตัดไม้ประเภทหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียค่าภาคครองพานั้นยังไม่พอที่จะ+เข้าใจได้ว่า
ป่าที่ตัดนั้นเป็นเขตต์หวงห้าม
ศาลฏีกาที่ ๑๕๒๕/๒๔๘๒
วางระเบียบจัดการรักษาป่า พ.ศ. ๒๔๕๖ ข้อ ๑๖ ประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ประกาศสมถหเทศาภิบาลมณฑนครสวรรค์ลงวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๙
ศาลขั้นต้นเห็นว่าโจทก์ได้กล่าวว่าป่าตำบลบางประมงเป็นป่าซึ่งสมุหเทศภิบาลได้ประกาศเป็นเขตต์หวงห้ามไม่และเห็น
ว่าข้อนี้เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้องเมื่อไม่ได้กล่าวมาในฟ้องแล้วก็จะสืบนอกประเด็นฟังลงโทษ
จำเลยไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่สืบพะยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้กล่าวชัดแล้วว่า “จำเลยบังอาจตัดพันไม้ยางซึ่งเป็นไม้ประเภทหวงห้ามในป่าตำบลยางประมงจังหวัดนครสวรรค์ ” คำว่าตำบลนั้นไม่ใช่ตำบลที่หวงห้ามไม้ยางเพราะถ้าตำบลนั้นไม่ใช่ตำบลที่หวงห้ามไม้ยางไม้ยางในตำบลนั้นก็ไม่ใช่ไม้
ประเภทหวงห้ามพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฏีกา
ศาลฏีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.บ. รักป่า พ.ศ. ๒๔๕๖ มาตรา ๕ ข้อ๑ และกฏข้อบังคับวางระเบียบวิธีการจัดการรักษาป่า พ.ศ. ๒๔๕๖ ข้อ ๒ และข้อ ๑๗ นั้น โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องให้เป็นที่เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าจำเลยได้หัดไม้ประเภทหวงห้ามจากป่าซึ่งสมุทเทศาภิบาลได้
ประกาศว่าเป็นเขตต์หวงห้ามแล้วและประกาศสมุหเทศาภิบาลในเรื่องเช่นนี้เป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าว
บรรยาให้ปรากฏในฟ้องเมื่อโจทก์ไม่ได้กล่าวให้ปรากฏในฟ้องก็ไม่ได้ว่าสมุทเทศาภิบาลได้ประกาศโฆษณาให้ราษฎร
ในท้องถิ่นซึ่งหานั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ เดือน เมื่อโจทก์สืบไม่ได้เช่นนั้นก็เป็นอันฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ตัดไม้ประเภทหวงห้ามจากป่าซึ่งได้ประกาศเป็นเขตต์หวงห้าม
อันจำเลยจะพึงมีผิดจึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

Share