แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ทุกประเด็นเป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โดยเฉพาะในข้อ 1 จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องและนำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นพิจารณา และเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นสาระสำคัญในคดีศาลต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นก็ดี ศาลอุทธรณ์ก็ดีมิได้หยิบยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย จึงมิใช่เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล แต่เป็นกรณีมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษจำคุก 2 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 3)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 4)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้ความในชั้นพิจารณาเพียงใดหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1