คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2878/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในช่องคู่ความตามคำฟ้องของโจทก์จะมิได้ระบุโดยชัดแจ้ง ว่า ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิบดีกรมโยธาธิการซึ่งเป็น เจ้าหน้าที่เวนคืน อสังหาริมทรัพย์แต่ในตอนบรรยายฟ้องได้ กล่าวว่าจำเลยที่ 2 เป็น อธิบดีกรมโยธาธิการและ เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์จึงเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์ ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิบดีกรมโยธาธิการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้รับผิดชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนแก่โจทก์ หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกระทรวง มีฐานะเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2เป็นอธิบดีกรมโยธาธิการสังกัดต่อจำเลยที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2520 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงฯ พ.ศ. 2520โดยกำหนดให้จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าพนักงานเวนคืน ส่วนจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ จำเลยที่ 2 ได้ดำเนินการเวนคืนที่ดินของโจทก์โจทก์ขอค่าทดแทนตามราคาที่มีการซื้อขายกันเป็นเงิน 4,222,500 บาท แต่จำเลยจะให้เพียง 334,930 บาท จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 4,222,500 บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองได้ปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ทุกขั้นตอน จึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดให้โจทก์เป็นราคาที่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยก่อนที่จะตั้งอนุญาโตตุลาการขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้โต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทสำหรับจำเลยที่ 2 ต่อไป
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้พิพาทกันเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงในท้องที่แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี แขวงคลองต้นไทร และแขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน แขวงบางรัก เขตบางรัก และแขวงยานนาวา เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2520 ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 3 บัญญัติว่า”ให้อธิบดีกรมโยธาธิการเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้”และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 67บัญญัติไว้เป็นใจความว่า ในกรณีที่การกำหนดค่าทดแทนไม่เป็นที่ตกลงกัน เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ได้ แม้ในช่องคู่ความตามคำฟ้องของโจทก์จะมิได้ระบุโดยชัดแจ้งว่าฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิบดีกรมโยธาธิการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แต่ในตอนบรรยายฟ้องก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2เป็นอธิบดีกรมโยธาธิการและเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งพอเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิบดีกรมโยธาธิการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้รับผิดชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนแก่โจทก์ หาใช่ฟ้องให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่ จำเลยที่ 2 เองก็ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2ปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ พ.ศ. 2520 และพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 กำหนดไว้ครบทุกขั้นตอนแล้ว ซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 2เข้าใจดีแล้วว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการตามตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
พิพากษายืน

Share