คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2872/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาตรา 22 ที่ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เป็นบทบังคับในชั้นอุทธรณ์ มิใช่บทบัญญัติที่จะนำมาใช้ในชั้นฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนัน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยมิได้ลงโทษปรับ ศาลจะสั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมายด้วยไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องความว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันตู้ม้าไฟฟ้า พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดอนุญาตให้เล่นได้โดยจำเลยเป็นเจ้าบ้านจัดให้มีการเล่นการพนันดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์แห่งตนและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ฯลฯ ริบของกลางและให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งความนำจับตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. การพนันจำคุก 4 เดือน ของกลางริบ ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ‘ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา22 และ ป.วิ.อาญา มาตรา 193 ทวิ ประกอบมาตรา 225 นั้นเห็นว่าบทกฎหมายดังที่จำเลยอ้างเป็นบทบังคับกรณีในชั้นอุทธรณ์ซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่บทบัญญัติที่จะนำมาใช้ในเรื่องสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งมีบัญญัติไว้ต่างหากอยู่แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้……..และที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมายนั้น ปรากฏว่า คดีนี้ศาลมิได้ลงโทษปรับจำเลยด้วย จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเว้นแต่สินบนนำจับจำเลยไม่ต้องจ่าย…..’.

Share