แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลจะสั่งหักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก และมิใช่กรณีที่หากโจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมา ศาลจะวินิจฉัยให้ไม่ได้.
ย่อยาว
คดีทั้งห้าสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกัน โจทก์ฟ้องทำนองเดียวกันขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 และนับโทษต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่7273/2527 ของศาลอาญา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนๆ ละ 1 ปี รวมเป็นลงโทษจำคุก5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน ให้นับโทษต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่7273/2527 ของศาลอาญา ในระหว่างพิจารณา จำเลยต้องขังอยู่ในคดีของศาลอาญาดังกล่าว จึงไม่หักวันต้องขังในคดีนี้แต่ละคดีให้
จำเลยอุทธรณ์ขอให้หักวันที่ถูกคุมขังก่อนพิพากษาให้จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ตามที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้หักวันต้องขังในคดีทั้ง 5 สำนวนให้จำเลยเป็นการพิพากษาเกินคำขอเพราะโจทก์มิได้มีคำขอไม่ให้หักวันต้องขังแต่อย่างใดนั้น เห็นว่า การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจของศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22วรรคแรก ทั้งมิใช่กรณีที่หากโจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมา ศาลก็วินิจฉัยให้ไม่ได้ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไม่หักวันคุมขังในคดีนี้ให้จำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.